จากข่าวเมื่อเดือนมกราคม 2560 มีการทิ้งเด็กในวันที่ 20 มกราคม ที่เชียงใหม่ พนักงานเก็บขยะเทศบาลนครพบถุงข้าวสารวางไว้ข้างถังขยะ ข้างปั๊มน้ำมัน ภายในมีศพทารกอายุครรภ์ไม่เกิน 8 เดือน

วันที่ 22 มกราคม ที่เขตยานนาวา กรุงเทพฯ ที่อาคารชุดแห่งหนึ่ง แม่บ้านและช่างอาคารพบว่าชักโครกเต็ม จึงได้ใช้อุปกรณ์ดูดสิ่งปฏิกูล พบขาเด็กทารกโผล่ขึ้นมา ตำรวจพบผู้ต้องสงสัย รับสารภาพว่าแท้งลูก

วันที่ 27 มกราคม ที่อำเภอวารินชำราบ อุบลราชธานี พบทารกแรกเกิดร้องเสียงดังนอนอยู่ที่ด้านข้างสระว่ายน้ำโรงเรียนอนุบาล ใกล้ถังขยะ มีคราบเลือดติดอยู่ที่หน้าท้อง

ทั้ง 3 ข่าวนี้บ่งบอกว่าการป้องกันแก้ไขปัญหาท้องในผู้หญิงยังมีอุปสรรคมากมาย สังคมรวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ควรเปิดใจให้โอกาสเธอเล่านั้นได้รับการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีข่าวชิ้นหนึ่งที่ลุงหมอว่าน่าสนใจ คือ

วันที่ 19 มกราคม ที่อำเภอคลองหลวง ปทุมธานี สาววัย 18 ปีคลอดลูกคาห้องน้ำ เจ้าตัวงง ไม่รู้ท้องตอนไหน ลูกแข็งแรงดี แม่เผยว่าลูกสาวปวดท้องจึงลุกเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงลูกร้องโอดโอย ก่อนหน้านี้ไม่ได้ฝากท้อง เพราะไม่รู้ว่าตั้งครรภ์ หลังเกิดเหตุการณ์ผู้คนไม่เชื่อว่าผู้หญิงตั้งครรภ์แล้วจะไม่รู้ว่าตัวเองท้อง

ก่อนหน้านั้น ลุงหมอก็เจอเหตุการณ์คล้ายกัน ในวันที่ 6 มกราคม คุณแม่พาลูกสาวอายุ 18 ปี มาฝากครรภ์ บอกว่าเพิ่งรู้วันนี้ว่าลูกสาวท้อง เพราะเห็นท่าทางผิดปกติคือชอบอยู่คนเดียว ชอบใส่เสื้อตัวใหญ่ๆ คลุมเหมือนคนท้อง แม่ถามลูกสาวเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนว่าประจำเดือนมาไหม ลูกสาวตอบว่ามาทุกเดือน ต่อมาแม่ได้จับหน้าท้องพบว่าแข็งและโต ในใจแม่คิดว่าใช่แล้วละ ส่วนประจำเดือนก็มีเลือดออก วันที่ 8 – 12 ธันวาคม 2559 โดยใช้ผ้าอนามัยเต็ม 1 แผ่นต่อวัน บางวันก็ครึ่งแผ่น เลือดออกมากตอนกลางวัน ส่วนกลางคืนมีเลือดไม่ค่อยมาก ปกติที่ประจำเดือนมาจะใช้ผ้าอนามัยวันละ 2 แผ่นนาน 5 วัน

สาวคนนี้เลิกกับแฟนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559 แล้วไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับใคร จำได้ว่าต้นเดือนเมษายนยังมีประจำเดือนปกติ วันที่ 15 เมษายน ร่วมงานปาร์ตี้ที่หน้าห้องพัก ฉลองสงกรานต์กับเพื่อนๆ ดื่มเหล้าจนเมาหลับไป ตื่นมาก็พบตนเองอยู่ในห้อง มีเพื่อนอยู่ด้วย 2 คน ไม่ได้สงสัยว่าจะถูกล่วงละเมิดทางเพศ ระยะที่ผ่านมาก็ไม่มีอาการวิงเวียนหรือคลื่นไส้ ไม่มีอาการเหนื่อย กินได้ตามปกติ ปัสสาวะก็ไม่บ่อย เธอบอกว่าไม่ได้สังเกตตนเอง ท้องก็ไม่เห็นว่าโตขึ้น น้ำหนักเพิ่ม 4 กิโลกรัม

การตรวจอัลตร้าซาวด์ได้อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ หรือ 9 เดือน คาดว่าเธอน่าจะมีเพศสัมพันธ์เดือนเมษายน ซึ่งก็ใกล้คลอดแล้ว ทั้งที่เพิ่งเข้าเรียนปวช.ได้เพียง 3 เดือน

วันที่ 26 มกราคม มีแม่และลูกสาวเข้ามาปรึกษา คุณแม่กล่าวว่า “สภาพไม่พร้อมที่จะเก็บเด็กไว้มากๆ เลยค่ะ เลี้ยงหลานอายุ 10 เดือนที่เป็นลูกเขา ตอนนี้ลูกสาวไม่ได้ทำงาน แฟนเขาก็เกเร ไม่มีอาชีพอะไรที่แน่นอน มีปัญหาครอบครัว แยกกันอยู่”

ลุงหมอมองที่ลูกสาวและเห็นว่าท้องโตเห็นชัดแล้ว แต่ลูกสาววัย 30 ปีบอกว่า “หนูว่ารอบเดือนหนูขาดไม่เกิน 2 เดือน คือ มีประจำเดือนครั้งสุดท้ายเดือนพฤศจิกายน 2559 แต่มาน้อย เพราะหนูไม่ค่อยมีเลือด เดือนตุลาคม มีรอบเดือนหนักมาก ใช้ผ้าอนามัย 4 แผ่นภายใน 5 นาที ต้องใส่แพมเพิสแทน นาน 3 วัน หนูไม่เชื่อว่าลูกจะดิ้น เพราะรู้อยู่ว่ามีรอบเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” เธอบอกด้วยท่าทางมั่นใจ

“หนูรู้สึกอาการปกติ ไม่มีแพ้ ไม่อยากกินอะไรเป็นพิเศษ ไม่เบื่ออาหาร ฉี่ก็ไม่บ่อย เพราะเป็นคนกินน้ำน้อยมาก แต่อารมณ์หงุดหงิด โมโหตลอด เพราะเครียด” เธอพูดต่อว่า “มีท้องป่องขึ้น แข็งขึ้นเกิดรวดเร็วในเดือนนี้ เริ่มรู้สึกดิ้นมา 2 สัปดาห์นี้ เป็นเดือนแรกที่เริ่มกังวลและเป็นเมนส์แต่ทำไมยังท้อง”

เธอบอกลุงหมอว่า เธอคิดว่ามาปรึกษาเร็วที่สุดแล้ว แต่ผลการตรวจอัลตร้าซาวด์ เธอท้องได้ 26 สัปดาห์ ลุงหมอจึงให้คำปรึกษาว่า แม้อายุครรภ์น้อยลงกว่านี้ เช่น 20 สัปดาห์ ก็ไม่สามารถทำแท้งได้ เพราะท้องแรกคลอดด้วยการผ่าตัดคลอด ถ้าทำแท้งด้วยยาจะเสี่ยงทำให้มดลูกแตกและเสียชีวิตได้ และต้องมีอายุครรภ์ไม่เกิน 3 เดือนจึงจะดีที่สุดและปลอดภัย

ทั้ง 2 กรณีนี้บอกว่าท้องไม่รู้ตัว

มีข่าววันที่ 22 มกราคม ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยยืนยันว่าท้องไม่รู้ตัวเกิดขึ้นได้ หากไม่ได้หมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเรื่องประจำเดือนเพราะอาจขาดๆ หายๆ อาการแพ้ท้องอาจไม่มี ส่วนน้อยมากที่จะแสดงอาการแพ้รุนแรง อาจอ้างเหตุผลเข้าข้างตัวเองว่าเป็นเรื่องระบบทางเดินอาหาร มีปัญหาลำไส้ ทำให้รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน รวมไปถึงอ้วน

อย่างตัวอย่าง 2 รายที่เล่ามา เลือดที่ออกมาจะสังเกตว่าไม่เหมือนปกติที่เคยมา คือ มีทั้งเยอะมากผิดจากเดิม มีทั้งมาน้อยกว่าเดิม หรือมาช้า ถ้าเป็นแบบนี้ขอให้ตรวจปัสสาวะว่าท้องไหมจะดีกว่า อาการระยะแรกของท้องจะมีปวดเต้านม คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักเปลี่ยน เหนื่อยเพลียตลอด หงุดหงิด ปัสสาวะบ่อย ระยะหลังจะมีเต้านมขยาย หัวนมดำกว่าเดิม ตกขาวมาก หน้าท้องขยายใหญ่ ลูกดิ้น ซึ่งท้องไม่รู้ตัว แก้ได้ด้วยการใส่ใจสังเกตอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนถ้าเคยผ่าตัดคลอด และยังไม่อยากท้อง ต้องใส่ใจใช้การคุมกำเนิดที่ได้ผล หรืออย่าปล่อยให้ท้องเกิน 3 เดือนถ้าต้องการยุติตั้งครรภ์ให้ปลอดภัย

ด้วยรักและห่วงใย
ลุงหมอเรืองกิตติ์ ศิริกาญจนกูล

ร่วมติดดาวให้เนื้อหาที่ท่านชื่นชอบ

คลิกที่ดาวเพื่อติดดาวให้เนื้อหานี้

จำนวนดาวเฉลี่ย 5 / 5. จากการติดดาวทั้งหมด 2

ยังไม่มีการติดดาวให้กับเนื้อหานี้... เป็นคนแรกติดดาวให้เนื้อหานี้