ผู้ชายทอดทิ้ง เธอทุกข์ทรมาน ต้องรัดคาดท้องไม่ให้โตขึ้นมา
ผมมันเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น เรื่องนี้พ่อรู้ดี ด้วยเหตุนี้นึ่เองที่ทำให้พ่อไม่ค่อยจะเล่าเรื่องราวของความขัดแย้งของครอบครัวพี่น้องของพ่อให้ฟังถ้าไม่จำเป็น แต่ก็แปลก ที่ก่อนพ่อจะตายไปเพียงไม่นานนั้น พ่อกลับเล่าเรื่องราวมากมายให้ผมฟัง กระทั่งการฝากฝังให้ช่วยดูแลแม่ ประหนึ่งพ่อจะรู้ถึงวันสุดท้ายของตัวเองและก็เป็นไปตามคาด ผมรู้สึกได้ถึงความเจ็บแค้นและฝังใจเจ็บ..............................................................................................................“หมอแค่อยากจะบอกว่า ลักษณะของเซลล์มะเร็งที่เธอเป็นอยู่นั้นมันพบเป็นส่วนน้อย พบไม่บ่อยหรอก การรักษามันจึงไม่เหมือนคนอื่นๆ” ผู้หญิงที่ผมพูดคุยด้วยอยู่นั้นคือหญิงสาวที่มีแค่เกือบ ๔๐ ปี เธอกำลังต่อสู้อยู่กับโรคมะเร็งที่ปากมดลูกโดยการรับเคมีบำบัด อายุเธอยังน้อยเมื่อเทียบกับคนไข้คนอื่นๆที่เป็นโรคเดียวกับเธอ“หมอว่าหนูจะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่คะ” “ไม่รู้ว่ะ ขึ้นอยู่กับสวรรค์ หมอกำหนดไม่ได้” ผมยิ้มให้ สำหรับคนที่ถามออกมาแบบนี้ย่อมมีอะไรน่าสนใจ“แล้วเธอคิดว่ายังไงล่ะ”“หมอที่นู่นบอกว่าอย่างเก่งก็ปีครึ่ง” เธออ้างถึงหมอประจำโรงพยาบาลจังหวัดที่ส่งตัวเธอมารักษา“เอาอย่างนี้ ฉันจะเล่าให้ฟัง”...
คำถาม 5 ข้อ ที่ผมถามผู้หญิง…ผู้หญิงไม่ได้คิดเหมือนกันทุกคน
“นี่ถ้าหากสามีใหม่ของแม่ต้องการมีลูกกับแม่อีกคน แม่จะยอมไหม” เมื่อคำถามนี้หลุดปากออกไป หญิงสาวทั้งสามคนของผมต่างพร้อมใจกันหยุดตักข้าวเข้าปาก แล้วหันมามองหน้าผมอย่างพร้อมเพรียงพร้อมด้วยนัยตาที่ปะปน
“ไม่” เธอตอบ
“แล้วลูกล่ะ หากพ่อจะขอมีลูกกับเมียใหม่ของพ่ออีกคน ลูกจะว่ายังไง” ไม่ยังไงหรอกครับ ก็แค่ผมยังไม่ยอมหยุดถาม
นั่นเพราะทุกคำถามล้วนมีที่มา…
“ทำไมจึงอยากมีลูกอีกคนล่ะ” ผมถามผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่เธอมีอายุมากประมาณหนึ่ง และเธอมีลูกอยู่แล้ว ๓ คน
ถ้าผมถามคำถามนี้ออกมา ผมก็พอจะเดาคำตอบได้บ้างก. ลูกหลงข. ลูกสามคนเป็นผู้ชาย นี่อยากได้ลูกสาวค. ลูกสามคนเป็นผู้หญิง นี่อยากได้ลูกชายง. สามีใหม่อยากมีลูกด้วยจ. ตอบสี่ข้อบนก็พอ
“มีสามีใหม่ค่ะ” นั่นไง“แล้วลูกทั้งสามคนที่มีอยู่ล่ะ”...
เราไม่ได้อยากสนับสนุนให้มีคนมาทำแท้งเยอะๆ แต่เราอยากให้ช่วยหันมามองกันว่าจะช่วยเหลือคนที่ท้องไม่พร้อมได้อย่างไร
เรื่องเล่าจากห้องน้ำสาธารณะเรื่องที่สอง “โรงแรม”
อย่างที่บอกไปเมื่อวาน ว่าผมขึ้นมากรุงเทพฯ ครั้งนี้เพื่อประชุมเรื่องการจัดบริการทำแท้ง งานนี้ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งในถนนสุขุมวิท ผมได้ร่วมเป็นวิทยากรพูดเรื่องการใช้หลอดดูดสุญญากาศแทนเหล็กขูดแบบโบราณ เนื้อหาในการประชุมมันดีมาก เริ่มจากภาพรวมของการทำแท้ง อันตรายจากการทำแท้ง มุมมองของผู้ที่เจอคนมาขอทำแท้ง
อันหลังนี่น่าสนใจ เพราะบรรดาน้องๆ หมอและพยาบาลที่มาร่วมอบรมนั้น บางคนอาจจะยังรู้สึกกระอักกระอ่วน ผมสงสัยว่าพวกเขาอาจถูกขอให้มาเพราะพี่ๆ ไม่อยากมาก็เป็นได้
ในช่วงก่อนเที่ยงนั้นทีมผู้บรรยายได้นำแบบสอบถามขึ้นมาให้ทุกคนลองทำดู มันคือกรณีศึกษา ๗ ข้อ อยากลองทำดูไหมครับ ว่าอ่านแล้วรู้สึกว่าผู้หญิงทั้ง ๗ คนนั้นสมควรได้รับการทำแท้งให้ตามการร้องขอของเธอหรือไม่
๑. “หนู”...
ไม่มีทางเท่ากัน – ท้องไม่พร้อม
“เมฆบนฟ้าช่างน่ามอง” ไม่ใช่สิ ผมควรจะบอกว่า เมฆที่อยู่ต่ำลงไปนั้นช่างน่ามอง ไหนจะเมฆที่เรียงตัวเป็นแถวเหมือนเด็กประถมเข้าแถวหน้าเสาธง วันนี้แถบเพชรบุรีมีอย่างน้อยก็ ๒ แถว ครั้นพอเข้ากรุงเทพฯ ช่วงสายวันนี้ไม่มีเมฆ แต่ชั้นของบรรยากาศทำให้เห็นได้เลยว่า ฝุ่นพีเอ็ม ๒.๕ นั้น มันน่ากลัวขนาดไหน
ผมมากรุงเทพฯ เพื่อขึ้นเวทีพูดเรื่อง “ทำแท้ง” เนื่องในวันทำแท้งสากล มีเวลาให้พูดเพียง ๔๕ นาที ด้วยเนื้อหาที่เป็นแอปสแตร็กหน่อยๆ นั่นคือ “แท้งคือเรื่องของสุขภาพ”
เตรียมตัวนานเหมือนกันนะครับ...
หมอคะ…หนูกลัว
“มีอะไรไหมครับ พอดีผมจะรีบปิดร้าน เร่งด่วนมากไหม” ผมทักเธอออกไปเพราะว่าจะต้องรีบไปประชุมเตรียมจัดกิจกรรมให้กับแพทย์ประจำบ้านรุ่นใหม่ที่จะขึ้นเรียนและทำงานในเดือนกรกฎาคมนี้ “หนูจะมาปรึกษาหมอเรื่องท้องไม่พร้อมค่ะ” เธอคนที่ว่านี้ มายืนอยู่ที่เคาเตอร์หน้าห้องตรวจของผมอยู่ระยะหนึ่งแล้ว แต่เลือกที่จะไม่เข้าไปพบผมข้างในห้องตรวจ ซึ่งผมก็ไม่ทราบเหตุผลของเธอ “เอิ่ม..ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ พอดีต้องรีบปิดร้าน เพราะมีประชุมต่อ อีกอย่าง ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ทำแท้งแล้วนะครับ ถ้าหากจะถามว่าทำที่ไหน หมอจะแนะนำให้” ผมดูนาฬิกาซึ่งเวลานั้นคือทุ่มครึ่ง “แต่หมอคะ หนูไม่รู้จะตัดสินใจยังไง ว่าจะใช้วิธีไหนดีค่ะ” ได้ยินแบบนี้ ผมต้องหยุด นั่นแสดงว่าเธอคงได้ไปพบหมอจากที่ไหนมาสักแห่งแล้ว “แล้วเธอว่ายังไงล่ะ”...
โตขึ้นอยากเป็นอะไร บอกหมอหน่อยได้ไหม
“โตขึ้นอยากเป็นอะไร บอกหมอหน่อยได้ไหม”ผมถามน้องผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเข้ามาพบผมพร้อมกับแม่
“อยากเป็นผู้พิพากษาค่ะ” เธอตอบแล้วยิ้มให้ผมอย่างเขินๆ
“ทำไมล่ะ” บางที ไอ้คำถามประเภท “ทำไมล่ะ” ที่ถามออกไป อาจจะไม่ได้อยากรู้เหตุผลมากไปกว่าการต่อการสนทนา แต่สำหรับสาวน้อยคนนี้ ผมอยากรู้เหตุผลของความอยากเป็นผู้พิพากษาจริงๆของเธอ......................
โดยปกติ เวลามีใครสักคนเข้ามาหาผมด้วยเรื่องท้องไม่พร้อม ผมมักจะเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าทุกข์ใจ ส่วนใหญ่มาคนเดียว ไม่ก็มีใครสักคนที่เพื่อนพาเข้ามา และที่พบบ่อยๆ ก็คือ คนเป็นแม่พาลูกสาวเข้ามาเพื่อขอให้ช่วยทำแท้งให้
“ลูกจะต้องเรียนหนังสือค่ะหมอ” แบบนี้ได้ยินบ่อย“มันยังเด็กอยู่เลยนะหมอ” อันนี้ก็บ่อย“มันรับผิดชอบตัวเองยังไม่ได้เลย แล้วจะดูลูกได้ยังไงล่ะหมอ” อันนี้ก็ชินมาก
แต่คราวนี้ผมรู้สึกสนใจในแม่ลูกคู่นี้มาก
“หมอคะ ฉันตั้งท้องค่ะ มีพยาบาลแนะนำให้มาพบหมอ...
หัวใจวายตอนท้อง…โรคหัวใจกับการตั้งท้อง มันคือของแสลง เพราะการท้องจะทำให้หัวใจทำงานหนักมากขึ้น
เวลาเกือบจะตี ๒ แล้ว ผมเลือกที่จะเปิดกระจกรถแล้วขับลงมาจากอาคารจอดรถของโรงพยาบาลอย่างช้าๆ แสงส่องรายรอบมืดบ้าง สลัวบ้าง สว่างบ้างตามแสงไฟบนเสาส่องริมถนนภายในมหาวิทยาลัย บางอารมณ์ผมชอบแสงจากนีออนสีนวลขาว มันเป็นเหมือนแสงจากอดีต มองโคมไฟนีออนบนเสาไฟฟ้าทีไร มันมักจะพาผมหวนกลับไปยังตรอกข้างบ้านพักนายอำเภอที่บ้านเกิดเสียทุกครั้ง
ตรอกตันมีความลึกราวๆ ๓๐๐ เมตร ที่แยกตัวออกมาจากถนนใหญ่สายหลักของตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ลึกเข้าไปจนสุดทางคือเรือกสวนเก่าที่เป็นที่อยู่ของพ่อและพวกเรา ปากซอยคือบ้านโบราณที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ให้รกร้างมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งทึ่ ๒ บ้านร้างที่พาให้ผมมีจินตนาการเพริดแพร้วไปถึงผีบ้านผีเรือนที่อาศัยอยู่ ช่วงเวลาค่ำมืดดึกดื่น มันคือจุดต้นซอยที่ทำให้ผมได้ออกกำลังกายเสียทุกครั้ง “วิ่งป่าราบ” เพราะกลัวผีหลอก...
หมอครับ ผมเสร็จเร็ว หมอช่วยผมหน่อย…
“หมอครับ ผมเสร็จเร็ว หมอช่วยผมหน่อย” ยังไม่ทันจะได้หย่อนก้นลงนั่ง เจ้าหนุ่มน้อยคนนี้เขาก็บอกความร้อนใจให้ช่วยเหลือ
“ใจเย็นๆ หมอไม่ได้หนีไปไหน ปิดประตูแล้วก็นั่งลงก่อน ค่อยๆเล่ามา” ผมขำ
“มันหลั่งเร็วครับหมอ”
“เร็วแค่ไหนล่ะ” ผมบันทึกคำบ่นของเขาลงไปในประวัติว่า “premature ejaculation” แล้วเหลือบมองอายุของไอ้หนุ่มที่กำลังทุกข์ร้อน ออ..ยังไม่เบญเพส อีกหลายปีอยู่
“ไม่ถึงนาทีครับ บางทีชักเข้าชักออกไม่ถึง ๕ ครั้งก็เสร็จแล้ว” เออ..ก็นับว่าเร็ว ผมนึกในใจ แล้วหันไปหาน้องผู้หญิงที่เดินเข้ามาด้วยกัน เธอน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าหนุ่มคนนั้น หน้าตาเธอดูราบเรียบ ไม่ได้เรียกว่าสะสวย...
เรื่องเพศเล็กน้อยของวัยรุ่น
วันนี้ไปเยี่ยมคนไข้ที่ถูกผ่าท้องคลอดและตัดมดลูกไปเมื่อวันก่อนมา ลูกสาวเธอน่ารักน่าเอ็นดู เจ้าเปี๊ยกตัวนั้นมันกำลังถูกจับอาบน้ำในอ่างอาบน้ำเด็กของหอผู้ป่วย พี่พยาบาลกำลังสอนพ่อแม่ในการอาบน้ำเด็กอ่อน สอนไปวักน้ำไป ล้างหัว ล้างหน้า ล้างจิ๋มเด็ก
เสียงมันร้องไห้ดังลั่น โบราณว่าไว้ ปอดเด็กจะขยาย เด็กจะแข็งแรง ผมนึกในใจ...
ทำไมเราไม่อาบน้ำเด็กอ่อนพร้อมแม่วะ ทำไมไม่ใช้อ่างอาบน้ำของผู้ใหญ่ ให้แม่แก้ผ้าลงไปอาบกับลูกเลย อาบกันไป กอดคลอเคลียกันไป อยากจะรู้นัก ว่ามันจะแหกปากร้องอย่างที่เห็นในวอร์ดแบบเมื่อกี๊ไหม ดีไม่ดี มันอาจจะรู้สึกดีเหมือนได้อยู่ในมดลูกอยู่ก็ได้
น่าสนใจ...ผมเดินออกมาด้วยจิตใจแช่มชื่น เพราะจู่ๆ ก็นึกถึงลูกสาว ที่เมื่อครั้งมันยังตัวเล็กเป็นทารกแบบนี้อยู่นั้น ผมก็อาบน้ำให้ลูกทุกวัน...
เพศสัมพันธ์กันปีละครั้ง
“หมอรู้ไหม บางทีฉันก็ต้องถามตัวเอง ว่าเรากำลังข่มขืนสามีอยู่รึเปล่า” เธอเป็นคนเปิดประโยคนี้ออกมาก่อนที่ผมจะได้อธิบายว่าการตรวจภายในไปเมื่อครู่นั้นพบเจออะไรบ้าง
“หมอจำฉันได้ไหม ฉันเคยมาหาหมอเมื่อคราวก่อนเพื่อจะให้หมอทำรีแพร์ให้” เธอยังคงเรียกสติผมให้กลับมาสู่การสนทนา หลังจากที่เห็นผมทำท่าตะลึงจากบทสนทนาแรก
“จำได้สิ” ตอบว่าจำได้ เพราะเหลือบมองในประวัติเก่า ผมเขียนบันทึกการรักษาเอาไว้“ทำไมจะจำไม่ได้ เธอคือคนที่หมอบอกว่าจิ๋มปกติ จิ๋มของเธอหนีบได้แรงดี และท้ายที่สุดก็ไม่ยอมทำรีแพร์ให้” เธอยิ้มและพยักหน้า
“หมอยังพูดว่า หากจะให้จิ๋มเล็กกว่านี้ ก็เป็นรูตูดแล้ว” เธอแทบจะพูดประโยคนี้ขึ้นมาพร้อมผม
“ใช่ ผมก็ยังจำเรื่องราวนั้นได้” จะว่าไป ที่จำได้ก็เพราะในค่ำวันนั้น ผมได้เขียนเรื่องราวของเธอบันทึกเอาไว้ในรูปแบบเรื่องสั้นนั่นเอง ผมจำทุกเรื่องที่เขียนลงไปได้เสมอ และผมบอกเธอไปว่า “เมียไม่ใช่นางบำเรอ”
“ฉันไม่ได้จำจิ๋มของเธอเอาไว้หรอกนะ...