1. ไม่คุมไม่คุ้มนะ โดยใน 1 ปี จะเสี่ยงท้อง 85% หรือท้อง 6 ใน 7 ราย แม้ว่านานๆ จะร่วมเพศก็ต้องคุม
  2. สวมถุงยางอนามัยให้ถูกต้องทุกครั้ง ไม่งั้นท้องได้ 14% หรือ 1 ใน 6 รายใน 1 ปี เพราะใส่ผิดวิธี ใส่ช้าไป เลื่อนหลุด แตก รั่ว ดังนั้นต้องใส่ให้ถูก ขนาดถุงยางพอเหมาะไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป ใช้ไม่นานเกิน 30 นาที ไม่รุนแรง ถ้าเจ็บก็ใช้สารหล่อลื่นเพิ่ม เช่น เควายเจลลี่ กลีเซอรีน ซึ่งมีซิลิโคนเป็นตัวทำละลาย
  3. สวมถุงยางอนามัยจะป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เอชไอวี และป้องกันเชื้อ HPV ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก
  4. กินยาฉุกเฉินเฉพาะคราวจำเป็นและเร็วที่สุด เพราะเทียบไม่ได้กับวิธีอื่นที่ดีกว่า แม้ว่าใช้ได้ 5 วันหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน หรือการผิดพลาดของวิธีคุมอื่นๆ แต่จะป้องกันท้องไม่ได้ถ้ามีการตกไข่ไปแล้ว ดังนั้นยาจะป้องกันท้องได้แตกต่างกันตั้งแต่ 52 – 94% จึงไม่ควรใช้บ่อย ทั้งนี้การกินยายิ่งเร็วยิ่งป้องกันได้ผลกว่าภายใน 72 ชั่วโมงหลังร่วมเพศ และควรกิน 2 เม็ดครั้งเดียวดีกว่ารอห่างกัน 12 ชั่วโมงระหว่าง 1 เม็ด
  5. กินยาคุมฉุกเฉินควรระวังท้อง ต้องรอเมนส์มา กรณีนี้จะมีความเสี่ยงสูงต่อการท้อง คือ หากไม่ได้คุมกำเนิดเลย ถูกข่มขืน ถุงยางแตก หลุด ไม่ได้กินยาคุมมา 2 เม็ดหรือมากกว่านั้น ฉีดยาคุมชนิด 3 เดือน ช้าไปเกิน 4 สัปดาห์ ฉีดยาคุมชนิด 1 เดือนช้าไปเกิน 7 วัน และหลั่งภายนอกล้มเหลว โดยจะแน่ใจได้ว่าไม่ท้องเมื่อมีเมนส์มาแล้ว และแม้ว่าท้องก็จะไม่มีผลให้เด็กพิการ
  6. กินยาคุมฉุกเฉิน 1 ชุด (2เม็ด) มีผลภายหลังเฉพาะเพศสัมพันธ์ครั้งนั้น ถ้ามีเพศสัมพันธ์อีกครั้งควรกินชุดใหม่
  7. กินยาคุมกำเนิดได้มีความปลอดภัยสูง ยาคุมแบบรายเดือนใช้หลายปีได้อย่างปลอดภัยโดยไม่จำเป็นต้องหยุดพักเป็นช่วงๆ ซึ่งยาจะป้องกันไม่ให้ท้องได้ เฉพาะเมื่อกินยาคุมอย่างสม่ำเสมอ และจะไม่ป้องกันหลังจากหยุดกินแล้ว หลังหยุดกินยาก็จะท้องได้อย่างรวดเร็ว ประจำเดือนก็จะมาปกติ โดยยาไม่ทำให้เกิดอันตรายหรือเด็กในครรภ์พิการ ยาคุมกำเนิดนี้สามารถใช้ได้กับผู้หญิงทุกวัย ไม่ต้องกลัวการเกิดมะเร็งเต้านม และผู้หญิงส่วนใหญ่จะไม่มีน้ำหนักเพิ่มหรือลดจากการกินยา ส่วนโอกาสท้อง มี 6 – 8 ต่อผู้หญิง 100 คนใน 1 ปี หรือ 1 ใน 17 คน แต่ถ้าใช้ถูกต้อง จะท้อง 1 ใน 1,000 คนใน 1 ปื
  8. เมื่อกินยาคุม ต้องรู้ว่าจะกินถูก คือ หากลืมกินยา 1 เม็ด ให้กินยาที่ลืมทันที และกินเม็ดที่เหลือตามปกติ หากลืม 2 เม็ดหรือมากกว่าใน 14 เม็ดแรก ให้กินเม็ดล่าสุดที่ลืมทันที และกินเม็ดที่เหลือตามปกติ รวมถึงให้ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยอีก 7 วัน หากลืมกิน 2 เม็ด หรือมากกว่า ตั้งแต่เม็ดที่ 15 – 21 ให้กิน 1 เม็ดทันที และกินยาที่เหลือทุกวันจนถึงเม็ดที่ 21 และใช้ถุงยาง 7 วัน แล้วกินต่อยาคุมแผงใหม่ได้เลย โดยทิ้งยา 7 เม็ดสุดท้ายที่เป็นน้ำตาลไป (กรณียาคุมแบบ 28 เม็ด)
  9. หลั่งนอกควรเป็นวิธีสุดท้าย ไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้ เพราะมีอสุจิออกมาเป็นล้านๆ ตัวกับน้ำหล่อลื่นขณะร่วมเพศ การควบคุมตนเองตัวยการถอนอวัยวะเพศก่อนถึงจุดหลั่งอสุจิ หรือการรู้ตัวว่าจะหลั่งอสุจิจังหวะใดนั้นทำไม่ได้ ก็จะมีโอกาสท้องมากถึง 22 – 27% ซึ่งผู้หญิงต้องรู้ว่าเสี่ยงสุดๆ เลย ดังนั้น อย่าให้เขาสะดวกและง่ายสบาย แต่ผู้หญิงจะท้อง จึงไม่ควรเชื่อใจ และตัวเลขท้องอาจสูงมาก ถ้าผู้ชายมีอาการหลั่งเร็ว ประสบการณ์น้อย ถ้าจะตามใจแฟน ผู้หญิงต้องกินหรือฉีดหรือฝังยาคุม ซึ่งจะมีโอกาสท้องน้อยมากๆ คือ 0.1 – 0.3%
  10. หลั่งนอกแล้วหลั่งในตามด้วยยาฉุกเฉินแบบนี้เสี่ยงมาก อย่าดีกว่า เพราะลุงหมอว่าเราควรเลือกวิธีที่ดีกว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาอนาคตมาเสี่ยง และ
  11. “งดเพศสัมพันธ์ ปลอดภัยที่สุด” เพื่อวัยรุ่นจะไม่เป็นพ่อแม่เร็วเกินไป

มีคนพูดว่า “เหตุผลเดียวที่ใหญ่ที่สุดสำหรับท้องไม่พร้อม ไม่ใช่การไร้ประสิทธิภาพของวิธีคุมกำเนิด แต่เกิดจากชายหญิงคู่นั้นไม่ได้ใช้วิธีคุมกำเนิดใดๆ เลย”

รักปลอดภัย ไม่ท้อง ป้องกันโรคทางเพศสัมพันธ์ คุมกำเนิดด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
RSATHAI เข้าใจ ห่วงใย ใส่ใจคุณภาพชีวิต

โดย นพ.เรืองกิตติ์ ศิริกาญจนกูล เครือข่ายอาสา RSA

ร่วมติดดาวให้เนื้อหาที่ท่านชื่นชอบ

คลิกที่ดาวเพื่อติดดาวให้เนื้อหานี้

จำนวนดาวเฉลี่ย 4.2 / 5. จากการติดดาวทั้งหมด 33

ยังไม่มีการติดดาวให้กับเนื้อหานี้... เป็นคนแรกติดดาวให้เนื้อหานี้