นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก ประมาณการว่า ในแต่ละปีมีการทำแท้งทั่วโลกประมาณ 46 ล้านคน ในจำนวนนี้มีประมาณ 20 ล้านคน เป็นการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย และมีสตรีเสียชีวิตจากการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย ปีละประมาณ 70,000 คน โดยร้อยละ 95 เกิดขึ้นในประเทศที่กำลังพัฒนา รวมทั้งประเทศไทย แต่ยังไม่มีข้อมูลการยุติการตั้งครรภ์ที่ชัดเจน เนื่องจากผู้ที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงบริการที่ปลอดภัยและถูกกฎหมาย จึงหันไปใช้บริการทำแท้งเถื่อน หรือซื้อยายุติการตั้งครรภ์จากอินเทอร์เน็ต

นพ.วชิระ กล่าวว่า ที่ผ่านมา เพื่อลดอันตรายจากการเจ็บป่วยและตายจากการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย กรมอนามัย จึงร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศิริราช รามาธิบดี ขอนแก่น และสงขลานครินทร์ ภายใต้การสนับสนุนจาก Concept Foundation และ องค์การอนามัยโลก ศึกษาวิจัยระบบการให้บริการยุติการตั้งครรภ์ด้วยยา หลังจากนั้น ได้ผลักดันยาให้ขึ้นทะเบียนในปี 2557 และบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติในปี 2558 เพื่อใช้ในบริการยุติการตั้งครรภ์ตามกฎหมายและข้อบังคับแพทยสภา

“กว่า 60 ปีมาแล้วที่กฎหมายไทยอนุญาตให้ผู้หญิงยุติการตั้งครรภ์ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 305 โดยผู้ให้บริการยุติการตั้งครรภ์ต้องเป็นแพทย์ผู้มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ในกรณีที่ผู้หญิงตั้งครรภ์มีปัญหาสุขภาพกาย หรือปัญหาสุขภาพจิต หรือตั้งครรภ์เนื่องจากการกระทำความผิดอาญาตามที่บัญญัติ คือ ถูกข่มขืน เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี การค้าบริการทางเพศทั้งที่ยินยอม และไม่ยินยอม หรือการล่อลวงอนาจาร แต่เนื่องจากที่ผ่านมาสถานบริการสุขภาพที่ให้บริการยุติการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัยยังมีจำนวนน้อยมาก เนื่องจากทัศนคติของสังคมและผู้ให้บริการสาธารณสุขจำนวนมาก ยังมองเรื่องการยุติการตั้งครรภ์ในทางลบ และต่อต้านการจัดให้มีบริการยุติการตั้งครรภ์ในสถานบริการของตน กรมอนามัยจึงได้ผลักดันให้เกิดเครือข่ายอาสาส่งต่อยุติการตั้งครรภ์ (RSA : Referral System for Safe Abortion) เพื่อการเข้าถึงบริการของวัยรุ่นและสตรีที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อม” นพ.วชิระ กล่าว

นพ.วชิระ กล่าวว่า ผู้มีปัญหาสามารถโทรไปที่สายปรึกษาท้องไม่พร้อม 1663 เพื่อรับบริการปรึกษาทางเลือก และส่งต่อดูแลไม่ว่าทางเลือกจะเป็นการตั้งครรภ์ต่อหรือยุติการตั้งครรภ์ รวมทั้งการให้บริการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ ปัจจุบันเครือข่าย RSA มีแพทย์อาสาที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากกรมอนามัย รวม 110 คน และยังมีสหวิชาชีพอาสาจำนวน 262 คน เพื่อให้สตรีไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีรับวันสตรีสากล

ที่มา : https://www.matichon.co.th/news/297483

ร่วมติดดาวให้เนื้อหาที่ท่านชื่นชอบ

คลิกที่ดาวเพื่อติดดาวให้เนื้อหานี้

จำนวนดาวเฉลี่ย 0 / 5. จากการติดดาวทั้งหมด 0

ยังไม่มีการติดดาวให้กับเนื้อหานี้... เป็นคนแรกติดดาวให้เนื้อหานี้