การยุติการตั้งครรภ์ใช้ Mifepristone (ที่พบในชื่อการค้า RU486) และ Misoprostal (ไซโตเทค) สองตัวร่วมกัน พบว่า มีประสิทธิภาพดีกว่าหรืออาจใช้ Misoprostal เพียงตัวเดียวก็ได้ แต่ประสิทธิภาพจะลดลงเล็กน้อย
โดย Mifepristone มีวิธีการใช้โดยการกินและดื่มน้ำตาม ไม่มีอาการข้างเคียงสำหรับ Misoprostal (ไซโตเทค) มีวิธีการใช้โดยอมใต้ลิ้น ห้ามกลืน (เหมือนปรอทวัดไข้) รอให้ยาละลายหมดแล้วจึงกลืนหรือดื่มน้ำตามได้ หรือ
เหน็บช่องคลอด (ให้สุดชิดปากมดลูก) การเหน็บที่ช่องคลอดจะมีอาการเช่นเดียวกันแต่น้อยกว่าการอมใต้ลิ้น 1) หนาวๆ ร้อนๆ 2) มีไข้ขึ้น 3) หนาวสั่น 4) คลื่นไส้อาเจียน 5) ท้องเดิน ไม่ต้องตกใจ ไม่เป็นอันตรายเมื่อฤทธิ์ของยาหมด อาการเหล่านี้จะหายไปเองให้เตรียมยาแก้ปวดท้องเพื่อระงับอาการปวดอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น พาราเซตามอล 2 เม็ด พอนสแตน 2 เม็ด หรือบรูเฟน 2 เม็ด ส่วนอาการท้องเดินก็ให้ถ่ายตามปกติ ทั้งนี้ การใช้ Misoprostal (ไซโตเทค) ไม่ควรใช้โดยวิธีการกินและดื่มน้ำตามเพราะไม่ได้ผลเลย
หลังจากที่เนื้อเยื่อและก้อนเลือดหลุดออกมาแล้ว อาการปวดท้องและอาการข้างเคียงทั้งหมดจะหายไป และผู้หญิงจะรู้สึกสบายตัว แต่จะมีเลือดออกทางช่องคลอดนาน 7-14 วัน โดยลดปริมาณลงเรื่อยๆ ให้ใส่ผ้าอนามัยในระหว่างนี้ วิธีการกำจัดเนื้อเยื่อและก้อนเลือดที่ออกมา คือ ใส่ลงชักโครก/โถส้วมแล้วกดน้ำ หรือราดน้ำลงไป หรือหากอยู่ในผ้าอนามัยให้ห่อแล้วทิ้งตามปกติ
กรณีต่อไปนี้ อาจเป็นอาการของการแท้งไม่สมบูรณ์ให้มาพบแพทย์
1. ไม่มีก้อนเนื้อหลุดออกมา หรือมีแต่เลือดออกน้อยๆ เป็นหยดๆ นานเกินกว่า 6 ชั่วโมง
2. หลังใช้ยา Misoprostal ผ่านไปแล้ว 7 วัน ยังคงมีอาการเหมือนตั้งครรภ์ เช่น คัดเต้านม ปัสสาวะบ่อย หรือคลื่นไส้ แพ้ท้อง
3. เลือดออกนานเกิน 14 วัน ต้องมาตรวจเพื่อดูว่ามีเศษรกค้างอยู่หรือไม่
หากต้องการใช้ชุดตรวจสอบการตั้งครรภ์ สามารถตรวจปัสสาวะได้หลังจากใช้ยาทำแท้งไปแล้ว 15 วันเป็นต้นไป การตรวจก่อนหน้านี้อาจได้ผลเป็นบวกเพราะว่าฮอร์โมนยังคงมีเหลืออยู่ในปัสสาวะทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์แล้ว