จากข้อมูลการสอบถามเด็ก ไม่มีเด็กคนไหนที่มีเพศสัมพันธ์ขณะเรียนแล้วต้องการมีท้อง ไม่มีครับ นอกเสียจากว่าเขาไม่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ที่จะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ เช่น ถุงยางอนามัย
เด็กไม่มีความตั้งใจ และมันเป็นการเสียโอกาสอนาคตของเขา เราก็เลยคิดว่า ตรงนี้เราน่าจะช่วยเหลือเขา จึงดำเนินการโครงการนี้ขึ้นมา โดยเด็กกลุ่มนี้การศึกษาทางเลือกต้องมาเรียนวันเสาร์อาทิตย์ โรงเรียนจะมีมอบหมายภาระงานไป เด็กสามารถจบได้พร้อมกับเพื่อน ไม่มีความแตกต่างกับเด็กปกติทั่วไป
เมื่อเขาออกกลางคัน เช่น ในช่วงของ ม.3 เทอมที่ 2 เพื่อนที่อยู่ในห้องเรียนเขาก็เรียนตามปกติ เด็กที่ออกกลางคันก็มาเรียน ส อา ก็จบพร้อมเพื่อน จบพร้อมกัน เด็กกลุ่มนี้มีลักษณะปัญหาที่คล้ายกัน แล้วเรียนส-อา กลุ่มไม่เยอะมาก ดังนั้นเมื่อคนที่ประสบปัญหา คล้ายๆ กัน เขาก็จะดูแลกันช่วยเหลือกันมากกว่า ที่จะมีพฤติกรรมล้อเลียนแบบต่างๆ
จากประสบการณ์ที่เขาอยู่ในสังคม เขามองเห็นว่า การมีลูกมันเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ ถ้าไม่พร้อมมันเป็นความลำบากมาก ในการที่จะดูแลให้เด็กคนหนึ่งเกิดมาอย่างมีคุณภาพได้ ผมคิดว่า ไม่มีเด็กคนไหน มีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนแล้วต้องการมีลูก
ปัจจุบัน พรบ. ป้องกันแก้ไขปัญหาท้องในวัยรุ่น เป็นการบังคับที่ รร. จะต้องไม่ให้เด็กออกและต้องดูแลเด็กทั้งเรื่องการเรียน เรื่องการตั้งครรภ์อย่างมีคุณภาพ แต่ว่าสภาพบางโรงเรียนอาจมีเรื่องปัญหาความพร้อม ในเรื่องขององค์กรภายใน แต่คิดว่าดีที่สุด เขาควรจะเรียนต่อโรงเรียนนั้น แต่เขาอาจจะประสบปัญหาหลายๆ อย่าง ซึ่งคิดว่า รร.น้ำริดวิทยา สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้ในเรื่องนี้
ผมคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของโรงเรียนนะ รับนักเรียนมา แล้วผลิตให้เขาจบการศึกษา อย่างมีคุณภาพตามศักยภาพของเขา ไม่ใช่มีหน้าที่รับเด็กมา แล้วก็ไม่ทำให้เขาจบการศึกษา อันนี้ผมคิดว่าไม่ใช่เป้าหมายของการจัดการศึกษา
เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในฐานะที่เราเป็นผู้บริหารหรือคณะครู เราต้องมีมุมบวกมองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเชื่อว่าเจตนาเด็ก ไม่ได้ต้องการให้เป็นอย่างนั้น เด็กสามารถเข้าถึงสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ได้ ต้องเป็นการตัดสินใจของเด็ก กับผู้ปกครองร่วมกัน ว่าจะยุติ หรือให้ตั้งครรภ์ต่อ ซึ่งในเคสของโรงเรียนก็มี ปัญหาคือพ่อแม่ ไม่ต้องการ แต่เด็กต้องการ อย่างนี้จะให้คุยกัน
ผมคิดว่าปัจจุบันในภาพทั่วไป มีเด็กออกกลางคันในระบบปกติจำนวนมาก ผมคิดว่า ปัญหาหนึ่งคือการท้องในวัยเรียน รร.ต้องกลับมาดูและดำเนินการมตราการในการป้องกัน และถ้ามีปัญหาขึ้นมา ต้องร่วมมือแก้ไข โดยการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงาน บูรณาการ ด้านสาธารณสุข พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือหน่วยงานอื่น ผมคิดว่าจะทำให้ เยาวชนไทย เด็กนักเรียนไทย สามารถจบการศึกษาโดยไม่ออกกลางคัน และสามารถเป็นนักเรียนที่มีคุณภาพของประเทศต่อไป
ผมคิดว่า สังคมต้องมีความตระหนัก เด็กทุกคนเป็นเด็กไทย ดังนั้นตรงนี้ผมคิดว่าการที่มีโครงการ RSA ขึ้นมา จะเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เด็ก สามารถอยู่ในสังคมอย่างมีคุณภาพได้ ก็ขอเชิญชวนพวกเราทุกคนที่รับรู้เรื่องนี้ ได้ช่วยกันสนับสนุนเรื่องนี้
ที่มา : การสัมภาษณ์ คุณวิเชียร ปั้นม่วง ผู้อำนวยการโรงเรียนน้ำริดวิทยา จังหวัดอุตรดิตถ์ ในงานประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น วันที่ 11-12 กรกฏาคม 2562 ณ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ สุขุมวิท กรุงเทพ ฯ