หลังจากการยุติการตั้งครรภ์ ร่างกายสามารถกลับมาตกไข่ได้เร็ว ทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ใหม่หากไม่มีการป้องกัน ดังนั้น การเลือกวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ มาดูกันว่า วิธีไหนที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด
1. วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง
- ยาฝังคุมกำเนิด – คุมได้นาน 3-5 ปี มีประสิทธิภาพสูงถึง 99%
- ห่วงอนามัย (IUD) – มีทั้งแบบฮอร์โมนและแบบทองแดง คุมได้นาน 5-10 ปี
- ยาฉีดคุมกำเนิด – ต้องฉีดทุก 1 หรือ 3 เดือน มีประสิทธิภาพสูง
- สามารถเริ่มใช้ได้ทันทีหลังยุติการตั้งครรภ์
2. วิธีคุมกำเนิดที่ต้องใช้อย่างต่อเนื่อง
- ยาคุมกำเนิดรายวัน – ต้องกินทุกวันเวลาเดิม มีประสิทธิภาพสูงถ้าใช้ถูกต้อง
- แผ่นแปะคุมกำเนิด – เปลี่ยนแผ่นแปะทุกสัปดาห์
- วงแหวนคุมกำเนิด (Vaginal Ring) – ต้องใส่ไว้ในช่องคลอดและเปลี่ยนทุก 3 สัปดาห์
- สามารถเริ่มใช้ได้ทันที หรือภายใน 7 วันหลังยุติการตั้งครรภ์
3. วิธีคุมกำเนิดที่ใช้เฉพาะเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- ถุงยางอนามัย (ชาย/หญิง) – ป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ยาคุมฉุกเฉิน – ใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉิน ไม่ควรใช้บ่อย ๆ เพราะประสิทธิภาพต่ำกว่าวิธีอื่น
- สามารถใช้ได้ทันทีหลังยุติการตั้งครรภ์
4. วิธีคุมกำเนิดแบบถาวร
- หมันหญิง (Tubal Ligation) – ตัดหรือผูกท่อนำไข่
- หมันชาย (Vasectomy) – ป้องกันอสุจิออกมาจากอัณฑะ
- สามารถทำได้ทันทีหลังยุติการตั้งครรภ์ หากมั่นใจว่าต้องการคุมกำเนิดถาวร
5. วิธีคุมกำเนิดที่ไม่แนะนำหลังยุติการตั้งครรภ์
- การนับวันปลอดภัย – เพราะรอบเดือนอาจยังไม่ปกติ
- หลั่งนอก – เสี่ยงพลาดสูง
- การสวนล้างช่องคลอด – ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ และอาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
6. วิธีเลือกคุมกำเนิดให้เหมาะกับตัวเอง
- ต้องการคุมกำเนิดระยะยาว → เลือก ยาฝัง, ห่วงอนามัย, ยาฉีดคุมกำเนิด
- ต้องการคุมแบบควบคุมรอบเดือน → เลือก ยาคุมรายวัน, แผ่นแปะ, ห่วงคุมกำเนิด
- ต้องการป้องกันทั้งการตั้งครรภ์และโรคติดต่อ → ใช้ ถุงยางอนามัย
- ยังไม่แน่ใจ → ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะกับคุณ
ระบบปรึกษาท้องไม่พร้อม RSA Online : https://abortion.rsathai.org
หรือ Line Official : @rsathai , Inbox Facebook Page : rsathai
บริการให้คำปรึกษาออนไลน์ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00-19.00 น.