“อยู่ไม่สบายให้สบายๆ” ผมพูดประโยคนี้กับคนไข้ไปเมื่อวานที่คลินิกผู้ป่วยนอกโดยที่ไม่รู้ว่าอะไรเหนี่ยวนำใจไปให้พูดแบบนี้

“พรรัตน์” คือคนไข้คนแรกที่ได้พูดคุยด้วย 

ลูกศิษย์เดินมาปรึกษาผมเพื่อจะขอความเห็นเรื่องการรักษา ด้วยว่าเขาเป็นนักเรียนแพทย์ปีสุดท้าย ผมจึงอยากเห็นคนไข้ด้วยตัวเอง และเพียงได้เจอกันแวบหนึ่งก็พบว่าเธอคนนี้มีอะไรมากกว่าการมีตกขาวผิดปกติ ซึ่งเป็นภาวะผิดปกติที่พบเป็นปกติของคลินิกนรีเวชแห่งนี้

“หนูเป็นโรคไตวายระยะสุดท้ายค่ะ ตอนที่คลอดลูกมีภาวะครรภ์เป็นพิษรุนแรง ไตวาย และหลังคลอดภาวะไตวายมันก็ไม่หายอีกเลย ตอนนี้ฟอกไตอยู่ที่นี่สัปดาห์ละ ๓ วันค่ะ“ คนไข้ที่รับการฟอกไตจะมีลักษณะบางอย่างที่ดูออก ผิวพรรณ ความหยาบของเส้นผม และอาการซีดเซียว

บ้านของเธออยู่ต้นด้ามขวาน แต่การมีครอบครัวทำให้เธอต้องย้ายตัวเองมาอยู่ที่ใต้ตอนล่าง ในจังหวัดที่ติดกับโรงพยาบาลผม

”แล้วตอนนี้ลูกเป็นอย่างไรบ้าง“ ผมถามถึงเด็กที่คลอดเมื่อ ๗ ปีก่อน
”ก็แข็งแรงค่ะ อยู่กับปู่ย่าของเขา นี่ก็ได้เจอลูกทุกเดือน“
”หมายความว่ายังไงเหรอ“ ผมสงสัย
”หนูเลิกกับแฟนตั้งแต่คลอดลูกใหม่ๆเลยค่ะ“ 
”มีเมียใหม่ตอนท้อง“ ผมทำตัวเป็นผู้เล่นเกมถามตอบ
”ค่ะหมอ“

”แล้วนี่ต้องมาฟอกไตแบบนี้ ใครดูแลล่ะ“ ผมกำลังนึกถึงผู้หญิงที่มีอายุราวปลาย ๓๐ ที่ต้องดูแลตัวเองที่ป่วยเป็นโรคไตวายระยะสุดท้ายคนเดียวมาตลอด ๗ ปีที่ผ่านมา ต้องเทียวไปเทียวมาหาหมอและรับการฟอกเลือด
”ก็ดูแลตัวเองสิคะหมอ อยู่ตัวคนเดียวไม่ต้องเป็นภาระของใคร“ ผมเหลือบดูสิทธิ์การรักษา ในระบบระบุว่าเธอเป็นคนไข้ในระบบประกันสังคม ก่อนหน้าที่จะป่วย เธอเป็นผู้จัดการร้านอาหารเชนของฝรั่ง หลังป่วยก็ไม่ได้ทำงานอีกเลย ดีที่มีระบบประกันสังคมที่ทำไว้ก่อนหน้านั้น มันยังใช้ประโยชน์ได้ถึงตอนนี้

“หมอขอตรวจภายในหน่อยได้ไหมครับ ไม่ทราบว่าได้ตรวจมะเร็งปากมดลูกบ้างไหม“
”ตรวจเมื่อปีที่แล้วค่ะ ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ“
”หือ ทำไมไปตรวจไกลจัง“
“หนูไปขึ้นทะเบียนรอเปลี่ยนไตไว้ค่ะ เขาเลยตรวจร่างกายหลายอย่าง”

“ออ ครับ แต่การขึ้นทะเบียนเปลี่ยนไตน่าจะรอนานพอสมควรเลยนะ คิวยาวเชียวแหละ” อันที่จริงผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะนานเพียงไหน แต่บางทีก็ไม่รู้จะพูดอะไรที่เป็นสาระในเรื่องที่ยอมรับว่าตัวเองโง่

“แต่สิ่งที่เชื่อได้อย่างหนึ่งก็คือระบบของสภากาชาดนั้นโปร่งใส คิวอาจจะไม่ได้เรียงตามลำดับหนึ่งสองสาม แต่มันขึ้นอยู่กับการเข้ากันของเนื้อเยื่อ” นึกถึงกรุ๊ปเลือดสิครับ มันก็คล้ายๆกัน เพียงแต่การปลูกถ่ายอวัยวะมันซับซ้อนกว่านั้นมาก 

“แล้วตอนนี้อยู่ได้ใช่ไหม”
“อยู่ได้ค่ะ” รอยยิ้มแห้งๆของเธอมันกระทบใจผมพอสมควร ไม่ใช่ด้วยเพราะโรคที่เป็น แต่เบื้องลึกของชีวิตต่างหากที่มันดึงผมลงดิ่งไปสักนิด

“อยู่ไม่สบายอย่างสบายๆเลยใช่ไหม” ผมเอื้อมมือไปตีที่ต้นขาเธอเบาๆ “หมอขอให้เธอได้เปลี่ยนไตเร็วๆนะครับ” 

เธอยกมือขึ้นไหว้และกล่าวขอบคุณ รอยยิ้มแห้งๆ นั้นมีน้ำเอ่อที่ดวงตาให้เห็นแวบหนึ่ง

“ไม่ต้องมาแอบบนฉันนะเว้ย ฉันไม่ศักดิ์สิทธิ์” นับว่าเป็นการตัดบทสนทนาได้ด้วยความละมุน


ป้าดารามีอายุมากกว่าแม่ผมนิดหนึ่ง และนั่นก็ปาเข้าไปเกือบ ๘๐
แกนั่งรถเข็นเข้ามาในห้องตรวจโดยมีลูกสาวคนเดิมเป็นสารถีหลังเก้าอี้ติดล้อนั้น

ดูภายนอก ป้าดาราเหมือนคนแข็งแรง ร่างกายมิได้ผ่ายผอม หากแต่เมื่อเข้าไปดูในประวัติย้อนหลังนั้น ร่างกายเธอบรรจุรอยโรคไว้มากมาย เบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดส่วนปลายอุดตันจนต้องตัดนิ้วเท้าทิ้งไป โรคต่อมธัยรอยด์ และที่ต้องมาพบผมก็เพราะเธอมีอาการปัสสาวะและอุจจาระเล็ด

การรักษาของผมก็เป็นการเพิ่มยาบางตัวเข้าไปเพื่อลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะและผลข้างเคียงของมันจะทำให้แกท้องผูกเพิ่มขึ้น มันน่าจะช่วยแก้ไขปัญหาขี้เล็ดลงได้บ้าง แต่กระนั้นผมก็ยังส่งป้าแกไปพบอาจารย์แพทย์ด้านลำไส้ใหญ่และทวารหนักเพื่อช่วยประเมินเพิ่มเติมอีกหน่อย

“ชีวิตเป็นยังไงบ้างป้า” เดี๋ยวนี้นะครับ การได้เรียกคนไข้สักคนว่า ‘ป้า’ มันทำให้ผมรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ ถ้าเทียบกับอายุของแม่เป็นหลักในการนับญาติ ทำให้เห็นว่าคนไข้กับผมมีความห่างของอายุแคบลงเรื่อยๆ หาคนเป็นป้าได้ยากลงทุกวัน

“ก็ดีนะคะหมอ เรื่องเยี่ยวสบายขึ้นมาก” ผมเหลือบมองประวัติเก่าก็พบว่า อาการแกคงที่กับการลดยาของผมมาระยะหนึ่งแล้ว
“แล้วเรื่องขี้เล็ดล่ะ”
“ตอนนี้ก็เหลือเล็ดออกมาพร้อมตอนไปฉี่ค่ะ”
“หมายความว่าไม่ได้ราดในแพมเพิร์สใช่ไหมครับ”
“ค่ะ มันออกมาพร้อมตอนไปฉี่ทุกครั้งแหละหมอ”
“แล้วป้าว่าไงล่ะ”
“ก็ดีกว่าเมื่อก่อน”
“หมอก็ว่าดีนะครับ ยังไงซะ มันก็ออกในที่ที่ควรจะออก ไม่เปื้อน งั้นหมอจะหยุดยาแล้วนะ เพราะที่กินอยู่ก็ราวกระบุงโกย” ผมสรุป

“แล้วโอเคไหมป้า”
“ค่ะหมอ” รอยยิ้มของแกน่ารัก

“อยู่อย่างไม่สบายได้อย่างสบายๆ ใช่ไหม“
”ใช่เลย“ 

ดูเหมือนการตรวจและคุยกันอย่างสนุกสนานจะหมดเพียงแค่นี้ หากแต่ป้าดาราแกเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงบอกให้ลูกสาวพลขับหันรถมาทางผมอีกรอบ

“อย่าลืมนะหมอ ผ่านไปทางบ้านป้าก็แวะได้ บ้านที่มีต้นปาล์มหน้าบ้านต้นนึง และมีมะพร้าว ๓ ต้น”
“ฮาย..ชาติหาง่ายนะป้า บอกมาแบบนี้นั้น อีกอย่าง ทางไปบ้านเตินนั้นหมอเกลียดมากเลย พัทลุงหาดใหญ่ ชาตินี้สร้างๆซ่อมๆ ยังไงก็ไม่น่าจะมีทางเสร็จ”

สงสารคนเดินทาง คนที่ต้องอาศัยการเดินทางเพื่อทำกิจธุระ หรือทำมาหากกิน ขาวบ้านเสียโอกาสไปเท่าไหร่
“อยู่อย่างไม่สบายได้อย่างสบายๆ” ก็คงเป็นเช่นนั้นเอง

ธนพันธ์ ชูบุญอยู่อย่างสบายให้สบายเหอะ
๕ มิ.ย. ๖๗ 
ขอบคุณที่มา : ผศ. นพ.ธนพันธ์ ชูบุญ https://facebook.com/thanapan.choobun

ร่วมติดดาวให้เนื้อหาที่ท่านชื่นชอบ

คลิกที่ดาวเพื่อติดดาวให้เนื้อหานี้

จำนวนดาวเฉลี่ย 0 / 5. จากการติดดาวทั้งหมด 0

ยังไม่มีการติดดาวให้กับเนื้อหานี้... เป็นคนแรกติดดาวให้เนื้อหานี้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่