เมื่อไหร่ที่อาการตั้งครรภ์จะเริ่มปรากฏ?

สัญญาณการตั้งครรภ์มักเริ่มปรากฏ 1-2 สัปดาห์หลังจากการปฏิสนธิ หรือประมาณ 4-6 สัปดาห์นับจากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

7 สัญญาณบอกเหตุการตั้งครรภ์ที่พบบ่อย

1. ประจำเดือนหยุดมา (Missed Period): อาการที่เด่นชัดที่สุด โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีรอบประจำเดือนสม่ำเสมอ หากประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ 7-10 วัน อาจเป็นสัญญาณการตั้งครรภ์

2. คลื่นไส้และอาเจียน (Morning Sickness): มักเกิดขึ้นในช่วงเช้า แต่อาจเกิดได้ตลอดวัน เริ่มประมาณสัปดาห์ที่ 6 ของการตั้งครรภ์ ร้อยละ 70-80 ของหญิงตั้งครรภ์จะพบอาการนี้

3. เต้านมบวม และหัวนมคล้ำ: เต้านมจะมีขนาดใหญ่ขึ้น แน่นกว่าปกติ และอาจเจ็บเมื่อสัมผัส หัวนมและลานหัวนมจะมีสีคล้ำขึ้น

4. ความเหนื่อยล้าผิดปกติ: รู้สึกเหนื่อยง่าย ง่วงนอนมากกว่าปกติ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน

5. ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ: เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน hCG และการขยายตัวของมดลูกที่กดใส่กระเพาะปัสสาวะ

6. อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย: รู้สึกอ่อนไหวมากขึ้น โกรธง่าย หรือร้องไห้ง่าย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

7. เลือดออกเล็กน้อย (Implantation Bleeding): อาจมีเลือดออกเล็กน้อยสีชมพูอ่อนหรือน้ำตาล เกิดขึ้น 10-14 วันหลังการปฏิสนธิ เมื่อตัวอ่อนฝังตัวในผนังมดลูก

อาการไม่เหมือนกันทุกคน สิ่งสำคัญที่ต้องจำ คือไม่ใช่ทุกคนจะมีอาการเหล่านี้ครบถ้วน บางคนอาจมีเพียงอาการเดียว บางคนอาจไม่มีอาการเลย หรือบางคนอาจมีอาการที่ไม่ได้กล่าวถึงข้างต้น

อาการเหล่านี้อาจคล้ายกับอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) หรืออาการของโรคอื่นๆ ได้

วิธีการยืนยันที่แน่นอน: การตรวจการตั้งครรภ์

1. ตรวจปัสสาวะด้วยตัวเอง (Home Pregnancy Test)

  • ทำได้หลังประจำเดือนหยุดมา 1 สัปดาห์
  • ความแม่นยำประมาณ 97-99%
  • ควรตรวจในตอนเช้า เพราะฮอร์โมน hCG เข้มข้นที่สุด

2. ตรวจเลือดที่โรงพยาบาล

  • แม่นยำกว่าการตรวจปัสสาวะ
  • สามารถตรวจได้เร็วกว่า (ประมาณ 6-8 วันหลังการปฏิสนธิ)
  • ใช้เวลาผลประมาณ 1-2 วัน

3. ตรวจด้วยอัลตราซาวนด์

  • มองเห็นถุงตั้งครรภ์ได้ประมาณสัปดาห์ที่ 5-6
  • สามารถยืนยันการเต้นของหัวใจทารกได้ที่สัปดาห์ที่ 6-7

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?

  • ตรวจการตั้งครรภ์ได้ผลเป็นบวก
  • มีอาการผิดปกติ เช่น เลือดออกมาก ปวดท้องรุนแรง
  • มีประวัติแท้งบ่อย หรือมีภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ครั้งก่อน

สรุป

การรู้เท่าทันสัญญาณของการตั้งครรภ์จะช่วยให้คุณเตรียมพร้อมและดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม วิธีเดียวที่จะยืนยันได้อย่างแน่นอนคือการตรวจการตั้งครรภ์ด้วยวิธีการทางการแพทย์

หากคุณสงสัยว่าตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ

ต้องการคำปรึกษา?

RSAThai พร้อมดูแลคุณ ด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และไม่ตัดสิน
Line Official : @rsathai
RSA Online : https://abortion.rsathai.org
Facebook Page : https://www.facebook.com/rsathai.org
เว็บไซต์หลัก : https://rsathai.org
บริการให้คำปรึกษาออนไลน์ วันจันทร์–ศุกร์ เวลา 8.00–19.00 น.


แหล่งอ้างอิง

  1. American Pregnancy Association. “Early Signs of Pregnancy” https://americanpregnancy.org/getting-pregnant/early-signs-of-pregnancy/
  2. Mayo Clinic. “Symptoms of pregnancy: What happens first” https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/getting-pregnant/in-depth/symptoms-of-pregnancy/art-20043853
  3. WebMD. “Early Pregnancy Symptoms” https://www.webmd.com/baby/guide/pregnancy-am-i-pregnant
  4. คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “คู่มือการดูแลตนเองในระยะตั้งครรภ์”
  5. กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข “การดูแลสุขภาพแม่และเด็ก” https://hdc.anamai.moph.go.th

บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้ทั่วไป ไม่สามารถใช้แทนการปรึกษาแพทย์ได้ หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่