ยาฝังคุมกำเนิด (Contraceptive Implant) ยาฝังคุมกำเนิดเป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบกึ่งถาวร โดยฝังหลอดบรรจุฮอร์โมนสังเคราะห์เข้าไปใต้ผิวหนัง สามารถคุมกำเนิดได้นานถึง 3 และ 5 ปี ตามชนิดของยา ให้ประสิทธิภาพสูงถึงร้อยละ 99
- ชนิด 1 หลอด (คุมกำเนิดได้ 3 ปี)
- ชนิด 2 หลอด (คุมกำเนิดได้ 5 ปี)
ป้องกันท้องด้วยการระงับการตกไข่ ทำให้มูกบริเวณปากมดลูกเหนียวข้นขึ้น อสุจิผ่านเข้าไปได้ยาก ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางไม่เหมาะสมกับการฝังตัว การฝังยาฝังคุมกำเนิด จะฝังหลอดยาบริเวณต้นแขนด้านใน กึ่งกลางระหว่างรักแร้และข้อศอก เข้าไปใต้ผิวหนังแผลจะเล็กมากไม่ต้องเย็บแผลเพียงปิดด้วยพลาสเตอร์เล็ก ๆ แผลจะหายเป็นปกติภายใน 3-5 วัน หลังจากทำไปแล้วไม่ให้ถูกน้ำ 7 วัน เมื่อครบ 7 วัน แพทย์จะนัดมาดูแผลอีกครั้ง
ข้อดี
- เป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
- ไม่มีผลรบกวนต่อการมีเพศสัมพันธ์
- ใส่ครั้งเดียวใช้ได้นาน 3-5 ปี
- สามารถใช้ในระยะให้นมลูกได้ โดยไม่มีผลรบกวนปริมาณและคุณภาพของน้ำนม
- เมื่อหยุดใช้ยานี้แล้ว สามารถมีลูกได้ตามปกติ
- ทางเลือกสำหรับคนที่ลืมกิน/ฉีดยาคุม
ข้อจำกัด
- ไม่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยเพื่อป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
- ต้องรับบริการฝังยาและถอดยาฝังจากบุคลากรสาธารณสุขที่ผ่านการอบรมเท่านั้น
- ข้อห้ามในการใช้ยาฝังคุมกำเนิด
รับบริการช่วงไหนได้บ้าง
- 5 วันแรกของการมีประจำเดือน เพื่อแน่ใจว่าไม่ตั้งครรภ์ มีผลในการคุมกำเนิดหลังจากฝังยา 24 ชม. แต่ถ้าฝังในช่วงเวลาอื่น ควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยประมาณ 7 วันหลังฝังยาคุม
- หลังคลอด 4-6 สัปดาห์
- หลังแท้งธรรมชาติ/หลังรับบริการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยทันที หรือ 2-3 สัปดาห์
ค่าใช้จ่ายของยาฝังคุมกำเนิดในโรงพยาบาลของรัฐ ประมาณ 2,500 – 3,000 บาท โดยในปัจจุบันสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับการคุมกำเนิดยาฝังคุมกำเนิด/ห่วงอนามัย สำหรับวัยรุ่นอายุน้อยกว่า 20 ปี และทุกช่วงวัยหลังแท้ง/ยุติการตั้งครรภ์ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ดูข้อมูลสถานพยาบาลที่มีบริการยาฝังคุมกำเนิดและห่วงอนามัยได้ที่นี่
[wpdatatable id=3]