ชีวิตการทำงานของลุงหมอ ต้องพบปะกับผู้หญิงหลากหลายอายุในฐานะที่เป็นสูตินรีแพทย์ ตรวจรักษา ดูแลให้การปรึกษา วันหนึ่งจึงได้ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณแม่ที่มีลูกสาววัยรุ่น…
คุณแม่รายนี้ได้ถามเรื่องวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกว่าฉีดได้ในช่วงอายุเท่าไหร่ ลูกสาวคนโตอาย 16 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.4 จะฉีดได้ไหม ลุงหมอตอบว่าฉีดได้ครับ และเป็นเรื่องดีสมควรจะฉีดเพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่พบเป็นอันดับสองของมะเร็งในผุ้หญิง (อันดับหนึ่งคือมะเร็งเต้านม) การเกิดมะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส HPV (Human Papilloma virus) ที่มากับเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้สวมถุงยางอนามัย อธิบายเสร็จสรรพก็รู้สึกว่าแม่สมัยนี้ก็ใส่ใจลูกสาวดีเหมือนกัน เพราะลำพังวัยรุ่น…อาจจะไม่มาขอรับบริการฉีดวัคซีน ด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่าง กล้วเข็ม ไม่กล้าฉีด กลัวเจ็บ ลุงหมอคิดว่า ก็ดีถ้าผู้ใหญ่จะสนับสนุน สร้างสุขภาพก็จะดีกว่าซ่อมสุขภาพ น่าจะเป็นไอเดียที่อินเทรนด์สำหรับคนรุ่นใหม่
คุณแม่คนเดิมยังเล่าด้วยว่า เมื่อปีที่แล้วลูกสาวคนนี้ก็พาเพื่อนชายอายุ 17 ปี มาแนะนำให้คุณย่าที่บ้าน บอกว่าเป็นแฟน ด้วยความเป็นห่วงหลานสาวคุณย่าก็สอนว่า คบกันได้แต่ไม่ต้องการให้มีเพศสัมพันธ์กัน ให้รู้จักรักนวลสงวนตัว
แต่เจ้าลูกสาวกลับเถียงย่าว่า สมัยนี้สอนแบบนี้ ค่อนข้างเชยแล้วล่ะค่ะ ต้องสอนให้รู้จักป้องกันตัวจะดีกว่า ที่โรงเรียนมีตู้ถุงยางด้วย…ที่จริงลุงหมอคิดในใจว่า ก็ถูกทั้งย่าและหลานนั่นแหละ แต่สำคัญคือ “ทำให้อย่างที่ตั้งใจมั้ย” คือ ถ้าไม่อยากท้องในช่วงเรียน หรือการเงินการงานไม่ลงตัว ยังไม่ได้บอกพ่อแม่ ก็ต้องดูแลตัวเองเต็มที่จริงจังไม่ประมาท กล้าบอกผู้ชายว่าเราต้องการอะไร แสดงให้เขารับรู้ว่า เราตระหนักรู้ไม่อยากท้อง สำคัญคือเราควรรักตัวเองก่อน เพราะผู้หญิงเป็นคนท้องนะครับ
อีกอย่างที่สำคัญคือ “รู้จริงไหมในเรื่องวิธีกินยาคุม ฝังยาคุม ถุงยางเตรียมพร้อมมีไหม”
คุณแม่เล่าต่อว่า ฟังอยู่ห่างๆไม่ได้ว่าอะไร แต่ตัวเองนั้นสอนลูกสาวเสมอว่ามีอะไรให้คุยกับแม่ได้ทุกเรื่อง ไม่ต้องมีความลับต่อกัน พยายามดูแล สอนลูกใกล้ชิดกับลูก ถึงขั้นอาบน้ำกับลูก จะสอนว่าลูกต้องทำตัวอย่างไร แบบไหนจะดีและเหมาะสมและบอกว่าห่วงลูก เพราะไม่สามารถติดตามไปดูแลลูกได้อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
อืม แม่คนนนี้ก็เข้าท่านะ ล้อมลูกด้วยความรัก ไม่ใช่ปิดกั้น..
คุณแม่ท่านนั้นจึงเล่าต่อไปว่า หลังจากนั้นหนึ่งเดือนลูกสาวเลิกกับผู้ชายสาเหตุเพราะว่า พ่อเขาไม่สบายใจที่เห็นทั้งคู่คบกัน เพราะยังไม่ถึงเวลา ยังเด็กเกินไป ส่วนลูกสาวเราก็บอกว่า งั้นก็เลิกคบกันไปเลยก็ดี เบื่อแล้ว และเผยความรู้สึกกับแม่ว่า ไม่รู้ว่าเป็นความรักหรือปล่าว อาจจะยังไม่รักจริงก็ได้ ไม่เป็นไรหนูจะดูแลตัวเองให้ดี หนูเรียนไม่เก่ง ได้เกรด 2 กว่าๆ เอง มาสนเรื่องเรียนดีกว่า..
คุณแม่เล่าไปพลางยิ้มไป.. เห็นได้ชัดเลยว่า ความใกล้ชิดกับลูกนั้นส่งผลในทางบวก และบอกลาลุงหมอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
แบบนี้ลุงหมอก็ขอชื่นชมว่าเป็นเรื่องที่ดี ไม่หมกมุ่นเกินไป ไม่เสพติดความรัก ความหลง มีสติ คิดได้ วิเคราะห์เป็น แม้คุณแม่จะบอกว่า ลูกสาวมีโลกส่วนตัวสูง จ้องและอยู่หน้าไอโฟน เสียบหูฟัง ไม่สนใจใคร แต่ลุงหมอให้ผู้ใหญ่เข้าใจเด็กยุคนี้ว่า สังคมก้มหน้าเป็นไปตามยุคสมัย แต่การพูดจากันเองของคนในครอบครัวกับลูกวัยรุ่น ควรจะเป็นไปในทิศทางที่ให้วัยรุ่นกล้าปรึกษา กล้าเปิดเผยปัญหาที่เกิดขึ้น จะได้ช่วยหาทางป้องกันได้รวดเร็วและทันเวลา ถ้ารู้ลูกมีเพศสัมพันธ์ให้รับรู้ด้วยความเข้าใจ จะได้ช่วยชี้แนะด้วยความรัก เพื่อให้ลูกรู้เท่าทัน
ความรู้สึกของคุณแม่คนนี้ เป็นมุมดีๆ ของผู้ใหญ่ ลุงหมออยากให้วัยรุ่นหัดให้กล้าๆ ไว้นะครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงๆ พ่อแม่ก็ยังเป็นที่พึ่งของลูกนะจ้ะ เห็นด้วยกับลุงหมอมั้ยครับ
ด้วยรักและห่วงใย
นพ.เรืองกิตติ์ ศิริกาญจนกูล ผู้ประสานงานเครือข่าย RSA