ข่าววันที่ 8 เมษายน 2559 ที่อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี เด็กหญิงวัย 14 ปีท้อง 7 เดือนแล้วแท้ง เพราะความตกใจจึงโยนทารกไปที่สวนกล้วยของเพื่อนบ้าน ภายหลังมีผู้มาพบทารกเสียชีวิต จึงถูกเพื่อนบ้านประนามว่าฆ่าลูก… จากการซักประวัติที่โรงพยาบาล เด็กหญิงปฏิเสธการทำแท้ง บอกว่ามีอาการปวดท้องมากแล้วมีก้อนหลุดออกมา เด็กหญิงต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เนื่องจากมีเศษรกค้างในมดลูก และพบว่ามีการติดเชื้อ…
ตามกฎหมายอาญามาตรา 277
เด็กที่อายุน้อยกว่า 15 ปี ที่ตั้งครรภ์ไม่ว่าจะสมยอมหรือไม่ก็ตาม ถือว่าการตั้งครรภ์เกิดจากความผิดตามกฎหมายอาญา ซึ่งเด็กหญิงต้องได้รับความช่วยเหลือทางการแพทย์ ให้ยุติการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย แต่…เด็กหญิงคนนี้กลับเข้าไม่ถึงบริการยุติตั้งครรภ์ การแท้งที่อายุครรภ์ถึง 7 เดือน ทำให้เสี่ยงและอาจเกิดอันตรายต่อชีวิต
ลุงหมอมีตัวอย่าง 2 เรื่อง ให้เรียนรู้เข้าใจเรื่องที่ผู้หญิงท้องโตมากจนสายเกินแก้ และคนที่ท้องแต่แก้ปัญหาได้เร็ว มาดูว่าทั้งสองกรณีเป็นอย่างไร
ตัวอย่างแรก
หญิงสาววัย 26 ปี ทำงานเป็นครูผู้ช่วยสอนในโรงเรียนเอกชน มาตรวจว่าท้องไหม เธอบอกว่าเลิกกับแฟน ตั้งแต่ตุลาคม ประจำเดือนครั้งสุดท้ายมาเดือนกันยายน เธอคุมกำเนิดโดยใช้ยาคุมฉุกเฉิน ยาเม็ดคุมกำเนิดรายเดือน กินยาสตรีบ้าง มาพบลุงหมอวันที่ 8 เมษายนประจำเดือนยังไม่มา แต่เธอไม่คิดว่าตัวเองจะท้อง เพราะคิดว่าได้กิน ยาคุมฉุกเฉินป้องกันไว้และกินยาคุมชนิดเม็ดจึงไม่น่าจะท้อง อีกทั้งไม่มีเพศสัมพันธ์มานานแล้ว ตัวเองน่าจะเป็นโรคอื่น มากกว่าที่ทำให้ประจำเดือนไม่มา ลุงหมอบอกว่ายาคุมฉุกเฉินลดความเสี่ยงที่จะท้องได้เพียง 75%และประสิทธิภาพ จะน้อยลงไปอีกถ้าใช้บ่อย ดังนั้นเมื่อประจำเดือนในรอบถัดไปขาด ต้องรีบตรวจว่าตั้งครรภ์หรือไม่
เหตุผลที่ไม่ทดสอบการตั้งครรภ์ เธอบอกว่า เคยเห็นเพื่อนตรวจปัสสาวะพบว่าไม่ท้อง ต่อมาตรวจอีกครั้ง พบว่าท้องได้ 4 เดือน จึงคิดว่าการตรวจปัสสาวะเชื่อถือไม่ค่อยได้!! แต่…วิธีคิดแบบนี้น่าจะไม่ถูกต้องใช่ไหมครับ การตรวจปัสสาวะว่าท้องนั้นตรวจง่ายๆ มีประสิทธิภาพดีเชื่อถือได้
เธอเล่าต่อไปว่า ไม่มีอาการแบบคนท้อง ไม่น่าจะผิดปกติอะไร และยังคิดอีกว่าประจำเดือนไม่มา อาจเป็นเพราะยาคุมฉุกเฉิน ที่ผ่านมาเคยกินเยอะ เคยขาดไป 2 เดือนแล้วก็มา แต่พอมาเดือนมีนาคม ก็เริ่มรู้สึกว่ามีหน้าท้อง อ้วนขึ้น น้ำหนักเพิ่มจาก 44 เป็น 47 กิโลกรัม เพื่อนเริ่มทักว่า ตัวเล็กๆทำไมมีพุง…”หนูคิดว่าจะลองมาตรวจดู แต่ก็ไม่ว่างซักที”พอถูกพี่สาวตำหนิจึงรีบมาพบหมอ
ลุงหมอตรวจที่หน้าท้องพบว่ามดลูกโตเกินสะดือแล้ว ทำอัลตร้าซาวด์เห็นตัวทารกในครรภ์ใหญ่ชัดเจน สรุปคืออายุครรภ์ 27 สัปดาห์ หรือ 7เดือน เธอถามว่า”หนูจะเอาออกได้ไหม หนูไม่รู้จะทำยังไงดี” กรณีนี้ เป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมที่สายเกินไปแล้วที่จะยุติการตั้งครรภ์ เธอจำเป็นต้องท้องต่อ
ตัวอย่างที่สอง
ผู้หญิงอายุ 27 ปี เธอกับแฟนจะเรียนจบและรับปริญญาปีนี้ ทั้งสองทำงานและเรียนไปด้วยกัน คบกันมา 4 ปี ป้องกันท้องด้วยการใช้ถุงยางอนามัยประมาณ 80% นอกนั้นใช้หลั่งภายนอก ประจำเดือนครั้งสุดท้ายวันที่ 22พฤศจิกายนโดยทั่วไปประมาณ 4 เดือนจะมาครั้งหนึ่ง เมื่อเดือนธันวาคม มกราคมประจำเดือนไม่มา ก็ไม่ได้ตรวจการตั้งครรภ์ เพราะคิดว่าคงเป็นเหมือนเคย
ต่อมา… ราวกลางเดือนกุมภาพันธ์ ต้องไปห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลด้วยอาการปวดท้อง ทั้งปวดหน่วง ปวดเกร็งร้าว
ไปที่หลัง มีอาเจียน แพทย์ห้องฉุกเฉินตรวจอัลตร้าซาวด์ โดยนัดให้มาตรวจกับสูติแพทย์อีกครั้งในสองวันถัดมา ผลตรวจอัลตร้าซาวด์ทางช่องคลอดและหน้าท้องพบว่าเธอท้องเกือบ 2 เดือนแล้ว คุณหมอนัดฝากครรภ์และตรวจเลือดหลังจากนั้น 1 สัปดาห์
เธอขอปรึกษาว่ายังไม่พร้อม คุณหมอสูติแพทย์ กล่าวว่าหมอไม่ได้รับปรึกษาปัญหาชีวิตของหนูแล้วก็เดินออกไป พยาบาลในห้องตรวจมองหน้าพูดว่าอายุ 27 ปีแล้วทำไมจึงยังเรียนไม่จบ เธอเล่าว่าพยาบาล 3 คน หมอ 2 คน ที่เธอพบมา ทุกคนมองหน้าเธอแล้วต่างซุบซิบกัน หลังจากที่เธอบอกว่าท้องครั้งนี้ยังไม่พร้อม และถามหาทางออกที่ทางโรงพยาบาลพอจะช่วยเหลือได้…
พยาบาลบอกว่า จรรยาบรรณแพทย์และพยาบาลไม่ให้ทำแท้งนะ มันบาป !
หลังจากนั้น เธอจึงมาปรึกษาลุงหมอ ทั้งๆ ที่กลัวจะถูกดุ แต่ลุงหมอบอกให้เธอสบายๆ นะ เธอผ่อนคลายแล้วระบายว่า ส่วนตัวและแฟนอยากมีลูกแต่อยากให้พร้อมทุกอย่างก่อน ตอนนี้เธอยังมีภาระผ่อนบ้านให้พ่อแม่”หนูคิดว่าหนูคิดดีที่สุดแล้ว มองปัญหาต่อไปว่าจะมีเยอะกว่านี้” “ถ้าหนูจะทำแท้ง อยากได้ที่ปลอดภัย ที่ไม่เป็นอันตรายกับหนูและอยากให้เป็นที่ปรึกษาให้หนูด้วย” เธอได้รับบริการยุติตั้งครรภ์ ซึ่งเธอเลือกใช้ยา สำหรับอายุครรภ์ 8 สัปดาห์ แม้จะมีอาการข้างเคียงคือหนาวสั่น ท้องเสีย อาเจียนบ้าง แต่ในที่สุดเธอก็แท้งได้สมบูรณ์ มีเลือดออกเพียง 3 วัน หลังจากที่ปัญหาคลี่คลายไป ตกเย็นวันนั้นเธอหิวข้าวมากทั้งที่ก่อนนี้ไม่รู้สึกอยากอาหารแต่อย่างใด…
ผู้หญิงรายแรกขาดความตระหนักต่อความเปลี่ยนแปลง ทั้งที่ประจำเดือนขาดหายไปและจำเป็นต้องตรวจปัสสาวะที่ทำได้ง่ายๆ ส่วนผู้หญิงรายที่สอง เธอต้องดิ้นรน รับผิดชอบต่ออนาคตของตนเอง และพ่อแม่ โดยต้องการมีลูกเมื่อเธอมีความพร้อมอย่างแท้จริง ทั้งสองรายนี้อายุมากกว่าเด็กหญิงในข่าว ที่อายุเพียง 14 ปี ดังนั้น หลานๆ ที่ประสบปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อม จึงควรหาหน่วยงานปรึกษาเมื่อรับรู้ว่าประจำเดือนขาดหายไปตั้งแต่เนิ่นๆ นะครับ
ด้วยรักและห่วงใย
นพ.เรืองกิตติ์ ศิริกาญจนกูล ผู้ประสานงานเครือข่ายRSA
ที่มา : www.lovecarestation.com