ข่าววันที่ 12 มิถุนายน 2559 รองสารวัตรสอบสวน สน.คลองตันได้รับแจ้งเหตุ

พบศพเด็กทารกแรกเกิดถูกทิ้งไว้บริเวณบ้านที่คลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ได้รุดเข้าตรวจสอบบริเวณหน้าบ้าน ที่ริมรั้วพบถุงขยะสีดำขนาดใหญ่ ภายในพบศพเด็กทารกแรกคลอดเพศชาย บริเวณปลายของสายรกฉีกขาด ถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำ

แม่บ้านชาวพม่าที่พบได้ให้การว่า ทุกวันตอนประมาณทุ่มตรง จะนำถังขยะออกมาวางไว้หน้าบ้าน และในเวลาสี่ทุ่ม จะมีรถขยะของทางสำนักงานเขตมาเก็บไป และในช่วงเช้าของวันถัดไป ก็จะนำถังขยะกลับเข้าบ้าน แต่เช้าวันนี้ ได้พบวัตถุดังกล่าว เมื่อเปิดดูเห็นเป็นศพเด็กทารก จึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ ทางตำรวจจึงได้ประสานฝ่ายสืบสวนให้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้เคียง เพื่อติดตามผู้เกี่ยวข้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้หญิงที่ให้กำเนิดทารกนี้เป็นใคร ไม่มีใครทราบได้ เธอไม่ได้ต้องการทารกที่เกิดมาอย่างแน่นอน เธอท้องและไม่พร้อม แต่เธอก็ท้องต่อจนคลอด และในที่สุดก็พบทารกที่เสียชีวิต สมมุติว่า ถ้าผู้หญิงคนนี้พบว่าตัวเองตั้งครรภ์ และพบว่าไม่พร้อม ถ้าเธอสามารถหาทางออกตั้งแต่เนิ่นๆ และแก้ไขให้ลุล่วงไปได้ เหตุการณ์นี้น่าจะไม่เกิดขึ้น

ลุงหมอเชื่อว่า ทุกปัญหามีทางออก และอยากให้กำลังใจกับผู้หญิงที่ประสบปัญหา ให้มีพลังกาย พลังใจ ตั้งสติให้เกิดปัญญา เพื่อต่อสู้เมื่อต้องเผชิญกับปัญหานี้ โดยเริ่มที่ เมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง ไม่รู้ ไม่แน่ใจว่าตนเองจะไปต่ออย่างไรดี ลุงหมอมีแนวทางอยากจะแนะนำให้ผู้หญิงตั้งคำถาม ข้อสงสัยกับตัวเองเรียงลำดับเพื่อให้เกิดการเลือกตัดสินใจดังนี้ครับ

 

เริ่มที่หนึ่ง “ฉันท้องจริงหรือไม่?” ก็ต้องไปตรวจปัสสาวะ หากพบว่าท้อง อย่าเพิ่งกังวล ค่อยๆ คิด “จะทำอย่างไรต่อไปดี? จะตัดสินใจได้ไหม? เมื่อไหร่ที่ต้องตัดสินใจ? จะทำใจกับการตัดสินใจได้ไหม?

ลำดับที่สอง “ฉันจะท้องต่อไปในขณะที่ท้องไม่พร้อมได้ไหม?” ก็คิดต่อไปว่า อะไรคืออุปสรรคบ้าง? แก้ไขได้อย่างไร? ความพร้อมที่จะดูแลและคลอดเป็นอย่างไร? แฟน ครอบครัว คนรอบข้างช่วยได้อย่างไร? จะทำงานหรือเรียนต่อไปได้ไหม?

ลำดับที่ สาม “ถ้าจะทำแท้งล่ะ” คำถามตามมาคือ จะทำแท้งได้ไหม? จะทำได้เมื่ออายุครรภ์เท่าไร? จำเป็นต้องตัดสินใจเมื่อไร? จะต้องบอกใครบ้างถ้าต้องทำแท้ง? หรือ สถานที่ไหนบ้างที่มีบริการที่ปลอดภัย? ข้อมูลเกี่ยวกับการทำแท้งที่ปลอดภัยมีอะไรบ้าง?

ลำดับที่ สี่ “ถ้าฉันตั้งท้องต่อไปจนคลอด ฉันยังมีทางเลือกไหม?” ทางเลือกมีอยู่เช่นกัน จะเลี้ยงดูเองต่อไปได้อย่างไร? ถ้ามีปัญหาเลี้ยงดูจะขอความช่วยเหลือได้ที่ไหน? ถ้าไม่พร้อม ยกมอบบุตรบุญธรรมได้อย่างไร ยกให้ดูแลชั่วคราวเผื่อจะเปลี่ยนใจได้ไหม?

เราลองมาดูชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งว่าเธอจัดการอย่างไร

ธัน (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี มีลูก 1 คนอายุ 1 ขวบ 4 เดือน อาศัยอยู่ที่จังหวัดหนึ่งในอีสาน พ่อเด็กต้องเดินทางมาทำงานที่กรุงเทพฯ โดยทุกๆ 1-2 เดือน ก็จะกลับมาอยู่กับเธอและลูกประมาณ 7 วัน ตอนรู้ว่าท้องลูกคนแรก จริงๆ ธันก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่พร้อมนัก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจท้องต่อ วันที่เจ็บท้องคลอดเธอมีอาการคลื่นใส้ อาเจียนหายใจไม่ออกแพทย์ใช้เครื่องตรวจหัวใจทารกในครรภ์ พบว่าหัวใจเต้นช้าผิดปกติจึงได้ทำการผ่าตัดคลอด ธันได้ลูกชาย

แต่ชีวิตครอบครัวนั้นหลังมีลูกแล้ว ดูเหมือนเป็นเธอที่เลี้ยงลูกคนเดียว พ่อแม่ก็แก่เฒ่าแล้ว เธอก็ต้องหาเงินด้วยตนเอง ปลูกต้นมะลิซ้อนเพื่อเอาดอกไปขาย เพราะเงินที่แฟนส่งมาให้เดือนละห้าพันบาทไม่พอค่าใช้จ่ายของเธอและลูก ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ เลี้ยงลูกคนเดียวก็เหนื่อยมาก ธันกลัวการมีลูกอีกคน เธอบอกให้แฟนไปทำหมัน แต่เขาก็ไม่ยอมทำ บอกว่ากลัวเจ็บ ธันเองก็เจ็บตัวเพราะผ่าตัดคลอด จึงอยากให้แฟนรับผิดชอบเรื่องคุมกำเนิดบ้าง ในที่สุดเธอก็เป็นฝ่ายป้องกัน แต่เกิดพลาดขึ้นมาจนได้

การท้องครั้งที่สอง ธันบอกว่าเธอไม่พร้อมที่จะท้องต่อไปจริงๆ “หนูต้องจัดการอะไรอีกเยอะ สิ่งสำคัญคือต้องดูแลลูกคนแรกให้ดีที่สุด” จังหวะชีวิตช่วงนี้ เธอจึงต้องวางแผนอนาคตของตนเองและลูก “ถ้าหนูมีลูกอีกคน หนูจะเลี้ยงลูกสองคนให้มีคุณภาพได้ไหม มันไม่ใช่ หนูจำเป็นต้องทำแท้ง” ธันคิดแล้วว่า การตัดสินใจครั้งนี้ ไม่ได้ทำบาป เพราะเมื่อพบว่าตัวเองตั้งท้องแต่ไม่พร้อม ก็ต้องรีบจัดการไม่ให้บานปลาย เธอยืนยันว่า “หนูคิดว่าการตัดสินใจอยู่ที่ตัวเรา ไม่มีใครรู้ดีกว่าตัวเรา เพราะปัญหาเกิดกับตัวเรา เราต้องหนักแน่นพอ…”

ธันเล่าต่อว่า

ในอดีต ชีวิตของเธอก็เกิดมาตอนที่แม่ท้องโดยที่ยังไม่พร้อม หลังคลอดจึงต้องนำเธอไปให้ป้าเลี้ยง เธอจึงไม่อยากให้ซ้ำรอยเกิดขึ้นกับลูกของเธอ ประสบการณ์ในอดีตทำให้เธอวิเคราะห์แล้วว่า การมีลูกคือจะต้องเลี้ยงดูให้ดีมีความอบอุ่น ไม่ใช่มีลูกแต่เลี้ยงดูให้มีคุณภาพไม่ได้ ธันจึงต้องหันกลับดูกำลังของตัวเองว่าเรารับผิดชอบได้แค่ไหน ธันตัดสินใจทั้งหมดด้วยตัวเอง แม้แฟนจะอ้างว่าคนอื่นที่ฐานะแย่กว่าก็ยังเลี้ยงลูกได้ แต่เธอก็ยืนยันที่จะไม่ท้องต่อไป…

เธอมาปรึกษาแพทย์ได้เร็ว เพราะมีอาการวิงเวียนและเช็คดูประจำเดือนครั้งสุดท้ายที่บันทึกไว้ในสมุดประจำตัวพบว่าไม่มา เธอจึงได้ไปร้านขายยาขอซื้อยาขับ แต่ร้านแนะนำให้มาพบแพทย์ หมอได้ตรวจอัลตร้าซาวด์ พบว่า ตั้งครรภ์เพียง 4 สัปดาห์เศษ โดยที่ยังไม่เห็นตัวอ่อน ธันได้รับการช่วยเหลือยุติตั้งครรภ์ด้วยยาและปลอดภัย แข็งแรง และกลับมาทำงานได้ตามปกติ เธอบอกว่ารู้สึกสบายใจต่อการตัดสินใจในครั้งนี้ ขอบคุณหมอที่ทำให้เธอปลอดภัย และรู้สึกดีที่ไม่หาทางออกผิดๆ ด้วยการซื้อยาขับประจำเดือน

ธันกล่าวทิ้งท้ายว่า “หนูไม่รู้สึกแย่ที่ไปทำแท้ง ไม่รู้สึกว่าทำผิด แต่กลับรู้สึกดีที่จะได้ทำงานเพื่ออนาคตของลูก”

ลุงหมออยากให้สาวๆ ทั้งหลายลองเรียนรู้ประสบการณ์ของธัน ที่รู้จักวิเคราะห์ปัญหา ความต้องการ ความจำเป็นของตัวเองแล้ว และหนักแน่นลงมือแก้ไข จนได้รับการรักษาจนปลอดภัยและสบายใจในที่สุด

 

ด้วยรักและห่วงใย

ลุงหมอเรืองกิตติ์ ศิริกาญจนกูล

ที่มา : www.lovecarestation.com

ร่วมติดดาวให้เนื้อหาที่ท่านชื่นชอบ

คลิกที่ดาวเพื่อติดดาวให้เนื้อหานี้

จำนวนดาวเฉลี่ย 3.3 / 5. จากการติดดาวทั้งหมด 3

ยังไม่มีการติดดาวให้กับเนื้อหานี้... เป็นคนแรกติดดาวให้เนื้อหานี้