ลุงหมอมีข่าวและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่ต้องการจะให้ผู้หญิงทุกคนรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดถ้าเราจำเป็นต้องเลือกทำ สิ่งสำคัญ คือ ขอให้มั่นใจว่าเรามีความรู้เพียงพอที่จะนำมาตัดสินใจ และพร้อมแล้วใช่ไหมที่จะตัดสินใจเลือกแบบนั้น
วันที่ 2 มิย. 59 จ.กำแพงเพชร มีผู้นำศพทารกแรกเกิดมาทิ้งในคลอง ตำรวจจับได้เป็นนักเรียนชั้น ม.6อายุ 17 ปี ซึ่งท้องและเลิกกับแฟน แต่ปิดบังไม่ให้ผู้ปกครองรู้ ต่อมาคลอดลูกที่หลังบ้านแล้วคิดว่าลูกเสียชีวิต ขณะนี้ ตำรวจรอผลการชันสูตรตั้งข้อหาฆ่าลูก
วันที่ 9 ก.ค. 59 จ.นครพนม พบศพทารกอยู่ในกระเป๋าอายุราว 1 – 2 วัน มีสภาพเปียกปอน สันนิษฐานว่าตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ เมื่อคลอดแล้วเลี้ยงไม่ได้จึงอาจทำให้ทารกจมน้ำจนเสียชีวิต
วันที่ 20 ก.ค. 59 จ.เชียงราย บริเวณอาคารศาลากลางจังหวัด พบทารกเพศหญิงอายุประมาณ 4 เดือนถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมวางอยู่ที่พื้น คาดว่าผู้ที่นำมาวางไว้ไม่ประสงค์จะเลี้ยงดู แต่ไม่กล้าทำร้ายเด็ก โดยเจ้าหน้าที่จะสืบหาพ่อ-แม่เด็กต่อไป
จากกรณีเหล่านี้ ถ้าจำเป็นต้องท้องต่อจนคลอด ทางออกคืออาจปรึกษาสายด่วนท้องไม่พร้อมโทร. 1663 ตั้งแต่ก่อนคลอดน่าจะดี ตรงที่ลดผลกระทบร้ายๆ ที่จะเกิดเหมือนที่เป็นข่าว และจะมีการช่วยเหลือเป็นขั้นตอน เช่น กรณีท้อง 6 – 7 เดือนหรือ 26 สัปดาห์ซึ่งไม่สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้แล้ว แต่ยังไม่อยากท้องต่อ รู้สึกลำบากใจ หรือตัดสินใจยาก แล้วไม่รู้จะเลือกทางไหนดี เมื่อโทรปรึกษา 1663 จะได้รับคำปรึกษาและประสานกับหน่วยงานเครือข่ายที่ช่วยเหลือต่อไป โดยผู้ที่ประสบปัญหาไม่ต้องกลัวนะครับ จะไม่มีการประณาม ตีตราใดๆ จากผู้ที่ดูแลเรื่องนี้ ลุงหมอว่าควรให้อภัยกัน โทรได้เลย อย่าได้ลังเล
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีแค่สถานการณ์ที่ท้องจนคลอดแล้วนำไปทิ้งเท่านั้น ยังมีการทำแท้งด้วยอย่าง
วันที่ 19 มิ.ย. 59 จ.บึงกาฬ ตำรวจรับแจ้งว่าพบศพทารกอายุครรภ์ 5 เดือนในป่าละเมาะริมถนน มีมดแดงกัดตามตัว โดยตั้งสาเหตุว่าแม่ทำแท้ง และนำเด็กมาทิ้งไว้
วันที่ 23 ก.ค. 59 กรุงเทพ บริเวณอู่รถทัวร์ พบศพทารกอายุครรภ์ประมาณ 4 – 5 เดือนในส้วมบนรถทัวร์สายกรุงเทพ – เชียงราย คาดน่าจะเป็นผู้โดยสารและทำแท้งก่อนขึ้นรถแล้วปวดท้องเข้าห้องน้ำนานผิดปกติ จนแท้งทิ้งไว้ในห้องน้ำและหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจะหาตัวมาดำเนินคดี
จากข่าวลุงหมอเป็นห่วงผู้หญิงที่แท้งลูกว่าจะมีการตกเลือดรุนแรงและติดเชื้อได้ ทางออกหลังแท้ง คือ ควรรีบไปตรวจร่างกายดูว่ามีรกติดค้างไหม แต่ถ้ารู้ตัวว่าท้องไม่พร้อมแล้วโทรปรึกษาสายด่วน 1663 ตั้งแต่วันที่ขาดประจำเดือนไป 7 วัน จะปลอดภัย และลดอันตรายลงถึง 10 เท่านะครับ ซึ่งสายด่วน 1663 จะประสานส่งต่อแพทย์หรือให้คำแนะนำต่อไป ส่วนถ้าไม่อยากท้องตั้งแต่แรกก็ทำได้ ดังตัวอย่าง
- คุณยายพาหลานสาวอายุ 13 ปี มาปรึกษาว่ามีแฟนและมีเพศสัมพันธ์แล้วกลัวหลานท้อง เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษา จนวัยรุ่นตกลงยินยอมใช้วิธีคุมกำเนิดแบบฝังยาชนิด 3 ปี แต่เมื่อฉีดยาชาแล้วจะฝังยา เด็กกลัวเจ็บไม่ยอมให้ฝัง จึงเปลี่ยนเป็นฉีดยาคุม 3 เดือนแทน ลุงหมอว่าคุณยาย คุณหลานคู่นี้ทันยุคสมัยดีนะครับ
อีกราย
- เป็นนักศึกษาสาวปี 2 มากับแฟน ที่เป็นนักศึกษาเหมือนกัน เธอกังวลว่าจะท้อง เรื่องของเรื่องคือเธอช่วยฝ่ายชายสำเร็จความใคร่ แล้วนำมือที่เปื้อนน้ำอสุจิที่แห้งแล้วมาโดนอวัยวะเพศของตัวเอง แต่ไม่ได้มีการสอดใส่อวัยวะเพศชายเข้าในช่องคลอด เพราะกลัวท้อง และคิดว่าวิธีคุมกำเนิดแบบไหนก็ไม่ 100% รวมถึงยังเรียนอยู่ด้วย
ขณะที่การเป็นคุณแม่วัยใส มีข้อคิดของสาววัย 15 ปีที่บอกเล่าประสบการณ์นี้ว่า สาวน้อยคนแรก เธอได้ลูกสาวที่น่ารัก แต่ชีวิตก็ลำบาก ชีวิตเธอไม่สดใสเอาซะเลย เพราะเธอยังเด็ก เธอตั้งท้องโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้าหากเธอเลือกได้ ก็ยังไม่อยากมีลูก เพราะทุกวันนี้เธอไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่มีบ้านจะอยู่ ส่วนแม่วัย 15 ปีอีกคนบอกว่า ตอนรู้ว่าตั้งท้อง เธอร้องไห้เลย และชีวิตก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เนื่องจากการมีลูกทำให้เธอขาดชีวิตในวัยเด็ก ไม่ได้เล่นสนุกกับเพื่อนๆ แฟนก็ทิ้งเธอกับลูกไป แม่วัยรุ่นทั้ง 2 คนนี้รู้สึกเป็นทุกข์ หดหู่ และต้องออกจากโรงเรียน ซึ่งการเป็นแม่ตั้งแต่ยังเด็ก มีผลต่อจิตใจเธอมาก นี่ทำให้พวกเธอรู้สึกกลัวการตั้งท้อง ตอนนี้เธอรู้วิธีป้องกันการตั้งครรภ์แล้ว และตั้งใจจะไม่ยินยอมให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก
จากข้อมูลล่าสุดที่สำรวจว่า วัยรุ่นอายุ 15 – 19 ปีตัดสินใจเลือกอะไรระหว่าง คลอดลูกหรือทำแท้งพบว่า
วัยรุ่นเลือกทำแท้งในอเมริกา 30% อังกฤษ 43% สวีเดน 77% และฟินแลนด์ 59%
ส่วนผลกระทบในอนาคตต่อแม่วัยรุ่นที่เลือกทำแท้ง ข้อมูลเมื่อ 20 ก.ค. 59 พบว่า “แม่วัยรุ่นที่เลือกยุติตั้งครรภ์จะมีการศึกษาที่สูงกว่าและมีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าเมื่อมีอายุ 25 ปี” โดยเปรียบเทียบกับวัยรุ่นที่ท้องต่อและคลอดลูก ซึ่งถูกนำเสนอเป็นข่าวจาก สำนักข่าวรอยเตอร์ โดยอ้างผลวิจัยของ Oskari Heikinheimo มหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์
อย่างไรก็ดี ข้อคิดที่ลุงหมอได้ยินจากผู้หญิงที่มีชีวิตดีขึ้นด้วยตนเอง คือ
“เราเป็นคนกำหนดชะตาชีวิต เรามีทางเลือก จะเลือกไปทางซ้ายหรือทางขวาก็ได้ ไม่ว่าจะเจอเรื่องดีหรือไม่ดี เราก็จะต้องพยายามฝ่าฟันไป และเรามีครอบครัวที่ช่วยให้เราก้าวเดินต่อไป” เพราะการท้องไม่พร้อมเป็นเรื่องที่ยากและซับช้อน ผู้หญิงที่เผชิญกับเรื่องนี้ สังคมควรเข้าใจ ให้โอกาสและช่วยกันให้หลักประกัน เพื่อให้เธอมีอนาคตที่ดีทั้งการเรียน อาชีพ จนสามารถพึ่งตนเองได้
ด้วยรักและห่วงใย
นพ.เรืองกิตติ์ ศิริกาญจนกูล ผู้ประสานงานเครือข่ายอาสา RSA