ผู้คนในสังคมมักมองว่า “ท้องไม่พร้อม” ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เหตุใดจึงไม่รู้จักคุมกำเนิด เพราะคุมไม่ยาก น่าจะมุ่งเน้นที่การป้องกันเมื่อมีเพศสัมพันธ์กันมากกว่า ส่วนการแก้ที่ปลายเหตุด้วยการทำแท้งไม่น่าจะสนับสนุน แต่เรื่องนี้ก็เป็นเหมือนเหรียญ 2 ด้าน เพราะการที่ผู้หญิงทำแท้งไม่ได้ เลี้ยงลูกก็ไม่ได้ แล้วทิ้งลูกที่เกิดมาก็มีอยู่ในสังคมตลอด เธอและคู่คิดและทำเช่นนั้น มีเหตุผลมาจากอะไร การไม่ป้องกันหรือป้องกันได้ไม่ดีนั้นมีเหตุจากอะไร?
วันที่ 15 พ.ย. เครือข่ายแพทย์อาสา RSA แจ้งมาว่า พบศพทารกในกล่องหน้าบ้านเช่าที่ จ.นครราชสีมา มีจดหมายแนบในกล่อง ความว่าไม่มีปัญญาเลี้ยง คาดว่าทารกขาดอากาศและเสียชีวิต กรณีแบบนี้หากทำแท้งตั้งแต่ตั้งท้องไม่พร้อม 1 – 2 เดือนแรกจะดีกว่าไหม?
6 พ.ย. เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พบทารกแรกเกิดถูกทิ้งที่หน้าบ้าน ในซอย มีเสื้อยืดสีดำห่อตัวคลุมด้วยเสื้อกันหนาวสีเทาแดง ทารกแข็งแรงดี
19 ต.ค. ที่อำเภอปลวกแดง จ.ระยอง มีทารกอยู่ในกระเป๋าวางทิ้งข้างบ่อขยะ ชาวบ้านมาพบ อาการปลอดภัย
8 ต.ค. ที่อำเภอสามโคก จ.ปทุมธานี คนงานก่อสร้างพบทารกตัวเปียกฝน ถูกทิ้งปล่อยให้นอนร้อง ตำรวจคาดว่าวัยรุ่นท้องไม่พร้อมแอบมาคลอดในห้องน้ำคนงาน ทารกถูกนำส่งโรงพยาบาล อาการปลอดภัย
อย่างไรก็ดี เมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา มีรายงานศึกษาเรื่อง เด็กถูกทอดทิ้ง: ปัญหาที่สังคมต้องเยียวยา โดยณิชชา บูรณสิงห์ ว่าสาเหตุสำคัญของการทิ้งเด็กคือการขาดความพร้อมที่จะเลี้ยงลูกได้ จากปัญหาความเข้าใจในการมีครอบครัว ฐานะการเงิน ยังต้องศึกษาต่อ รวมทั้งเป็นการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ปัญหาครอบครัวในเรื่องการใช้ความรุนแรง การหย่าร้าง เด็กพิการ ซึ่งผลกระทบจากการทิ้งเด็กจะสร้างภาระให้กับสังคมที่จะต้องดูแล และจะมีผลกับเด็ก คือมีพัฒนาการล่าช้า รวมถึงการไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ทำให้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
ลุงหมอจะเล่าความจริงเรื่องการคุมกำเนิดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ท้องแบบ “เซอร์ไพรส์”
โดยลุงหมอขอเรียกว่า “แบบอย่างการปฏิบัติการป้องกันการท้อง” มีดังนี้ คือ
- ประมาท เลินเล่อ นักศึกษาวัย 19 ปีกับแฟนวัยเดียวกัน มีเพศสัมพันธ์แล้วไม่ค่อยคุม เพราะคิดว่ามีอะไรกันแล้ว ประจำเดือนก็มาปกติดี จึงไม่คิดว่าจะท้องง่ายๆ ปรากฏว่าตั้งครรภ์ 21 สัปดาห์แล้ว
- กลัวๆ กล้าๆ นักศึกษาวัย 20 ปี เวลาแฟนใส่ถุงยางแล้วเจ็บ แฟนก็เลยหลั่งภายนอก มีเผลอหลั่งในบ้าง และบางครั้งก็ใส่ถุงยาง ถุงยางรั่ว จึงกินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ดห่างกัน 12 ชั่วโมง ผลคือท้อง
- เผอเรอ เพราะเมา นักศึกษาสาวท้องได้ 8 สัปดาห์ 3 วัน มีแฟนอยู่แล้วอายุ 65 ปี แต่เผลอไปมีอะไรกับผู้ชายอีกคน เธอว่า “หนูเมาค่ะ เขาก็เมา เลยไม่ได้ป้องกัน”
- กินยาคุม 2 อย่าง สาววัย 20 ปี ทำงานแล้วมีลูก 1 คน ท้องได้ 5 สัปดาห์กับแฟนใหม่แล้วเลิกกัน คุมกำเนิดด้วยการกินยาคุมฉุกเฉินแล้วต่อด้วยยาคุมชนิดรายเดือน
- กินๆ หยุดๆ นักศึกษาวัย 19 ปีท้อง เนื่องจากกินยาคุมรายเดือนไม่ต่อเนื่อง กิน 1 เดือน หยุด 2 เดือน เธอบอกว่า ร้านขายยาที่ซื้อยาคุมแนะนำว่าถ้ากินยาคุมต่อเนื่องนานไปจะไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ และบอกว่ากินยาคุมแผงหนึ่งก็จะคุมต่อได้อีก 1 – 2 เดือน ซึ่งช่วงที่เธอหยุดกินก็มีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่ได้ใช้ถุงยางหรือใช้วิธีหลั่งภายนอก
- กลัวยาคุมมีผลต่อลูก สาววัย 22 ปี ตั้งครรภ์ 6 สัปดาห์ แฟนของเธอคิดว่าการกินยาคุมทั้งแบบรายเดือนและฉุกเฉินจะมีผลเสียต่อการมีลูก จากที่พบข้อมูลในอินเทอร์เน็ตว่าอาจไม่มีลูก หรือมีลูกที่ไม่แข็งแรง ทำให้ระบบภายในมีปัญหา จึงคุมแบบหลั่งภายนอก
- หลั่งนอกครั้งที่ 2 พลาด สาววัย 19 ปี เธอแต่งงานกับสามีอายุ 45 ปี สามีคิดว่าอายุมากแล้วและอนาคตฝ่ายหญิงอาจมีผู้ชายคนใหม่จึงไม่อยากให้กินยาคุม เพราะกลัวผลกระทบจะมีลูกยาก เลยใช้วิธีหลั่งภายนอกมาได้ 1 ปี เพราะมั่นใจว่าหลั่งนอกได้ถูก พอมีเพศสัมพันธ์ต่อครั้งที่ 2 ก็หลั่งนอกอีก ตอนนี้เธอท้องได้ 11 สัปดาห์
- กลัวถุงยางทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูก นักศึกษาวัย 25 ปี คบกับแฟนได้ 3 เดือน เธอเคยมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุ 18 ปีใช้ถุงยางอนามัยตลอดก็ไม่เคยท้อง เธออ่านพบบทความในวารสารว่า ถ้าใช้ถุงยางจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ก็เลยคิดว่ามีส่วนไหมที่ทุกวันนี้คนเป็นมะเร็งปากมดลูกกันเยอะ ก็เลยให้แฟนใช้วิธีหลั่งภายนอก ผลคือ ท้อง
- ไม่ลืมกินยาคุม หญิงวัย 43 ปี ตั้งแต่แต่งงานมาได้ 1 ปี จะกินยาคุมทุกวันก่อนนอน โดยไล่กินตามแถวของแผงยาตลอด คิดว่าไม่ลืมกิน และไม่เคยหยุดกิน ตอนนี้มีแฟนใหม่ชาวต่างประเทศอายุ 65 ปี ท้องได้ 12 สัปดาห์ 6 วัน
- นานๆ แฟนกลับบ้าน หญิงวัย 33 ปี ท้อง 9 สัปดาห์ 3 วัน เพราะไม่ได้คุมกำเนิด เธอผ่าตัดถุงน้ำรังไข่ข้างหนึ่งหลายปีก่อน อีกอย่างแฟนทำงานต่างจังหวัด นานๆ กลับมาบ้านที เลยคิดว่าไม่น่าจะท้องง่าย
- ลืมกินยาคุมไป 2 วัน สาววัย 31 ปี ท้อง 6 สัปดาห์ เธอไม่กล้าฉีดยาคุมเพราะกลัวเข็มและการฉีดยา และเคยได้ยินว่าต้องมีลูกก่อนจึงจะฉีดยาคุมได้ ครั้งนั้นเธอไปต่างจังหวัดโดยไม่ได้เอายาคุมไปด้วย ไม่ได้กินยา 2 วัน ซึ่งเป็นช่วง 10 กว่าวันหลังมีประจำเดือน และมีเพศสัมพันธ์กับแฟนครั้งเดียว โดยไม่ได้สวมถุงยาง รุ่งเช้ากินยาคุมฉุกเฉิน แต่ก็ยังท้อง เธอแปลกใจว่าทำไมยังท้องได้
- หลั่งภายไม่เชื่อว่าท้องได้ ผู้หญิงอายุ 37 ปีมีลูกแล้ว 2 คน เลิกกับสามีมามีแฟนคนใหม่ เธอไม่กล้าไปซื้อถุงยาง โดยอ้างว่าที่ 7 – 11 และร้านขายยามีคนเยอะ จึงใช้การหลั่งภายนอก พอเธอบอกว่าท้อง แฟนถามว่า “ทำไมถึงมีลูกได้ เขาไม่เชื่อ”
- ร่วมเพศ 2 วัน แต่กินยาคุมฉุกเฉิน 1 ชุด หญิงวัย 37 ปี มีลูก 3 คน คนเล็กอายุ 1 ปี แฟนทำงานต่างถิ่นกลับบ้านสัปดาห์ละครั้ง สวมใส่ถุงยางป้องกันท้องเวลามีเพศสัมพันธ์ แต่ครั้งล่าสุดถุงยางหมด จึงมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน ครั้งแรกที่มีอะไรกัน ในตอนเย็นวันต่อมาได้กินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ดแรก แล้วตอนกลางคืนก็มีเพศสัมพันธ์กันอีก พอมาช่วงตี 5 ก็กินยาคุมฉุกเฉินเม็ดที่ 2 ผลคือท้อง
- ลืมกินยาคุม 3 วัน และกินรวบ 3 เม็ดที่ลืม หญิงวัย 44 ปี มีลูก 2 คน เธอเคยคลอดลูกตัวโตน้ำหนัก 4.2 และ 3.9 กิโลกรัม แพทย์บอกว่าเธอเสี่ยงโรคเบาหวานต้องตรวจเลือดคัดกรองโรคเบาหวานประจำ หลังคลอดเคยฉีดยาคุม 3 เดือนก็แพ้ เป็นผื่นเต็มหน้าเหมือนสิว จึงกินยาเม็ดคุมกำเนิดมาร่วม 10 ปีเป็นชนิดฮอร์โมนต่ำ ดีที่น้ำหนักไม่เพิ่ม ความดันปกติ เบาหวานก็ไม่กระทบ ช่วงหลังเธอลืมกินยาบ่อย เดือนตุลาคมลืมกินยาคุมเม็ดที่ 10, 11, 12 แล้วแฟนก็มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุงยาง เธอนึกขึ้นได้วันที่จะต้องกินยาเม็ดที่ 13 จึงกินเม็ดที่ลืม 3 เม็ดรวบทีเดียวตอนเย็น แล้วกินเม็ดที่ 13 ก่อนนอน เดือนพฤศจิกายนเมนส์ไม่มา ตรวจพบท้องได้ 5 สัปดาห์
หลากหลายวิธีคุมกำเนิดที่ลุงหมอเล่ามา ลุงหมอขอให้ “พลิกวิธีคิด” ใหม่ คือ
- ไม่คุมไม่คุ้มนะ โดยใน 1 ปี จะเสี่ยงท้อง 85% หรือท้อง 6 ใน 7 ราย แม้ว่านานๆ จะร่วมเพศก็ต้องคุม
- สวมถุงยางอนามัยให้ถูกต้องทุกครั้ง ไม่งั้นท้องได้ 14% หรือ 1 ใน 6 รายใน 1 ปี เพราะใส่ผิดวิธี ใส่ช้าไป เลื่อนหลุด แตก รั่ว ดังนั้นต้องใส่ให้ถูก ขนาดถุงยางพอเหมาะไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป ใช้ไม่นานเกิน 30 นาที ไม่รุนแรง ถ้าเจ็บก็ใช้สารหล่อลื่นเพิ่ม เช่น เควายเจลลี่, กลีเซอรีน ซึ่งมีซิลิโคนเป็นตัวทำละลาย
- สวมถุงยางอนามัยจะป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และป้องกันเชื้อ HPV ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้
- กินยาคุมฉุกเฉินเฉพาะคราวจำเป็นและเร็วที่สุด เพราะเทียบไม่ได้กับวิธีอื่นที่ดีกว่า แม้ว่าใช้ได้ 5 วันหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน หรือการผิดพลาดของวิธีคุมอื่นๆ แต่จะป้องกันท้องไม่ได้ถ้ามีการตกไข่ไปแล้ว ดังนั้นยาจะป้องกันท้องได้แตกต่างกันตั้งแต่ 52 – 94% จึงไม่ควรใช้บ่อย ทั้งนี้การกินยายิ่งเร็วยิ่งป้องกันได้ผลกว่าภายใน 72 ชั่วโมงหลังร่วมเพศ และควรกิน 2 เม็ดครั้งเดียวดีกว่ารอห่างกัน 12 ชั่วโมงระหว่าง 1 เม็ด
- กินยาคุมฉุกเฉินควรระวังท้อง ต้องรอเมนส์มา กรณีนี้จะมีความเสี่ยงสูงต่อการท้อง คือ หากไม่ได้คุมกำเนิดเลย ถูกข่มขืน ถุงยางแตก หลุด ไม่ได้กินยาคุมมา 2 เม็ดหรือมากกว่านั้น ฉีดยาคุมชนิด 3 เดือน ช้าไปเกิน 4 สัปดาห์ ฉีดยาคุมชนิด 1 เดือนช้าไปเกิน 7 วัน และหลั่งภายนอกล้มเหลว โดยจะแน่ใจได้ว่าไม่ท้องเมื่อมีเมนส์มาแล้ว และแม้ว่าท้องก็จะไม่มีผลให้ลูกพิการ
- กินยาคุมฉุกเฉิน 1 ชุด (2เม็ด) มีผลภายหลังเฉพาะเพศสัมพันธ์ครั้งนั้น ถ้ามีเพศสัมพันธ์อีกครั้งควรกินชุดใหม่
- กินยาคุมกำเนิดได้มีความปลอดภัยสูง ยาคุมแบบรายเดือนใช้หลายปีได้อย่างปลอดภัยโดยไม่จำเป็นต้องหยุดพักเป็นช่วงๆ ซึ่งยาจะป้องกันไม่ให้ท้องได้ เฉพาะเมื่อกินยาคุมอย่างสม่ำเสมอ และจะไม่ป้องกันหลังจากหยุดกินแล้ว หลังหยุดกินยาก็จะท้องได้อย่างรวดเร็ว ประจำเดือนก็จะมาปกติ โดยยาไม่ทำให้เกิดอันตรายหรือทารกในครรภ์พิการ ยาคุมกำเนิดนี้สามารถใช้ได้กับผู้หญิงทุกวัย ไม่ต้องกลัวการเกิดมะเร็งเต้านม และผู้หญิงส่วนใหญ่จะไม่มีน้ำหนักเพิ่มหรือลดจากการกินยา ส่วนโอกาสท้อง มี 6 – 8 ต่อผู้หญิง 100 คนใน 1 ปี หรือ 1 ใน 17 คน แต่ถ้าใช้ถูกต้อง จะท้อง 1 ใน 1,000 คนใน 1 ปี
- เมื่อลืมกินยาคุม ต้องรู้ว่าจะกินถูก คือ หากลืมกินยา 1 เม็ด ให้กินยาที่ลืมทันที และกินเม็ดที่เหลือตามปกติ หากลืม 2 เม็ดหรือมากกว่าใน 14 เม็ดแรก ให้กินเม็ดล่าสุดที่ลืมทันที และกินเม็ดที่เหลือตามปกติ รวมถึงให้ใช้ถุงยางร่วมด้วยอีก 7 วัน หากลืมกิน 2 เม็ดหรือมากกว่าตั้งแต่เม็ดที่ 15 – 21 ให้กิน 1เม็ดทันที และกินยาที่เหลือทุกวันจนถึงเม็ดที่ 21 และใช้ถุงยาง 7 วัน แล้วกินต่อยาคุมแผงใหม่ได้เลย โดยทิ้งยา 7 เม็ดสุดท้ายที่เป็นน้ำตาลไป (กรณียาคุมแบบ 28 เม็ด)
- หลั่งนอกควรเป็นวิธีสุดท้าย ไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้ เพราะมีอสุจิออกมาเป็นล้านๆ ตัวกับน้ำหล่อลื่นขณะร่วมเพศ การควบคุมตนเองด้วยการถอนอวัยวะเพศก่อนถึงจุดหลั่งอสุจิ หรือการรู้ตัวว่าจะหลั่งอสุจิจังหวะใดนั้นทำไม่ได้ ก็จะมีโอกาสท้องมากถึง 22 – 27% ซึ่งผู้หญิงต้องรู้ว่าเสี่ยงสุดๆ เลย ดังนั้นอย่าให้เขาสะดวกและง่ายสบาย แต่ผู้หญิงจะท้อง จึงไม่ควรเชื่อใจ และตัวเลขท้องอาจสูงมาก ถ้าผู้ชายมีอาการหลั่งเร็ว ประสบการณ์น้อย ถ้าจะตามใจแฟน ผู้หญิงต้องกินหรือฉีดหรือฝังยาคุม ซึ่งจะมีโอกาสท้องน้อยมากๆ คือ 0.1 – 0.3%
- หลั่งนอกแล้วหลั่งในตามด้วยยาคุมฉุกเฉินแบบนี้เสี่ยงมาก อย่าดีกว่า เพราะลุงหมอว่าเราควรเลือกวิธีที่ดีกว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาอนาคตมาเสี่ยง และ
- ”งดเพศสัมพันธ์ ปลอดภัยที่สุด” เพื่อวัยรุ่นจะไม่เป็นพ่อแม่เร็วเกินไป
มีคนพูดว่า “เหตุผลเดียวที่ใหญ่ที่สุดสำหรับท้องไม่พร้อม ไม่ใช่การไร้ประสิทธิภาพของวิธีคุมกำเนิด แต่เกิดจากชายหญิงคู่นั้นไม่ได้ใช้วิธีคุมกำเนิดใดๆ เลย”
ด้วยรักและห่วงใย นพ.เรืองกิตติ์ ศิริกาญจนกูล ผู้ประสานงานเครือข่ายอาสา RSA