เริ่มต้นปีใหม่ที่ผ่านมา มีผู้ให้บริการจากโรงพยาบาล ‘ข’ ในภาคเหนือเล่าว่า มีผู้หญิงรับจ้างกรีดยางคนหนึ่งไปปรึกษาที่โรงพยาบาล ‘ก’ โดยเธอมีปัญหาท้องไม่พร้อม แต่โดนผู้ให้บริการดุว่าท้องแล้วทำไมไม่รับผิดชอบตัวเอง เจ้าหน้าที่อีกคนจึงแนะนำให้ผู้รับบริการคนนี้มาที่โรงพยาบาล ‘ข’ ซึ่งแพทย์ที่นี่ได้ช่วยยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยให้กับเธอ

เธอเขียนระบายความรู้สึกที่ได้เผชิญกับการบริการที่ผ่านมาจากสองโรงพยาบาลว่า

“ดิฉันคิดว่าบริการคนที่ท้องไม่พร้อมที่จะมีบุตรนั้นดีนะคะ ดีมากๆ ที่ช่วยค่ะ เพราะมนุษย์มีปัญหา การบอกว่า ทำไมคุณไม่ระมัดระวังจุดนี้ บางคนผิดพลาดได้กับเรื่องแบบนี้ บางคนคิดน้อยใจแล้วไปทำแท้งเถื่อน เพราะหมอบางคนพูดจาหยาบใส่ ทำให้คนมีทุกข์น้อยใจ คิดมาก คิดว่าตัวเองสร้างเอง ต้องทุกข์เองเถอะ

ดิฉันคิดว่ามนุษย์เรามิใช่อยู่ในโลกแคบ แต่ปัจจุบันอยู่ในโลกกว้าง สังคมกว้างไกล ไม่น่าปิดกั้นตัวเองและคนอื่นๆ อยากให้ทุกๆ โรงพยาบาลมีโครงการแบบนี้จังค่ะ ดีกว่า ไม่ต้องไปทำแท้งเถื่อน ดิฉันดีใจมากๆ สำหรับโรงพยาบาลที่เปิดบริการแบบนี้ ขอบคุณแพทย์โรงพยาบาลที่ไม่ปฏิเสธ ที่ให้บริการ ขอให้จิตอาสานี้อยู่คู่ประชาชนตลอดจ๊ะ พร้อมรับทุกข์ของคุณ สร้างมิตรและกุศลให้ตัวเองตลอดไป”

ลุงหมอซาบซึ้งกับหลายๆ ประโยคที่ว่า “อยากให้ผู้ให้บริการพร้อมรับความทุกข์จากประชาชน”  เพราะผู้ให้บริการได้สลาย ‘ความทุกข์’ ของเขา ขณะเดียวกันก็ได้สร้าง ‘ความสุข’ ให้เกิดกับประชาชน อีกคำคือ “สร้างมิตรและสร้างกุศล” ให้กับตัวผู้ให้บริการ เพราะน่าจะเป็นการได้ทำบุญแล้วเกิดความสุขใจนั่นเอง

มีคำกล่าวจากแพทย์ท่านหนึ่งว่า ปัญหาของการปฏิเสธการยุติตั้งครรภ์ ต้องแก้ที่วิธีคิดว่า
“เราทำเพื่อผู้มีทุกข์ ไม่ใช่เพื่อเราเอง” ไม่ช้าเขาก็จะเข้าใจ

มีผู้ให้บริการปรึกษาคนหนึ่งเจอประสบการณ์ว่าถูกบุคลากรด้วยกันซักอย่างกับจำเลย โดนด่าว่าเป็นคนไม่ดี ทำบาป แต่หลังจากนั้น บุคลากรคนนั้นมีหลานสาวที่ท้อง แต่เธอไม่ชอบผู้ชายที่ทำให้ท้อง ความคิดก็เปลี่ยนเป็นคนละคน มาขอร้อง คุยด้วยเหตุผลสารพัด เพื่อให้ช่วยยุติการตั้งครรภ์ให้กับหลานสาว

ใช่แล้วครับ ถ้าไม่เกิดกับตนเองก็ยากจะรู้ว่าทำไมจึงตัดสินใจยุติตั้งครรภ์ เราลองมาดูเหตุการณ์ข่าวว่าจะเกิดอะไรที่กระทบสังคมตามมาบ้าง ถ้าผู้หญิงท้องไม่พร้อม แต่ไม่ได้ยุติการตั้งครรภ์ ไม่ได้รับการช่วยเหลือด้านต่างๆ

29 ธันวาคม 2559 ที่ตำบลอิสาณ จ.บุรีรัมย์ หนุ่มเก็บมะขามเทศเดินตามกลิ่นเหม็นแรงมาพบกระเป๋าดำทิ้งไว้ที่กองขยะ พอเปิดออกมาก็ต้องผงะพบศพทารกยัดไว้ในกระเป๋า อายุครรภ์ 9 เดือน คาดว่าเสียชีวิตมา 2 วัน ตำรวจคาดว่าน่าจะตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม หลังจากคลอดจึงนำมาทิ้งที่กองขยะ

2 มกราคม 2560 ข่าวทารกแรกคลอดถูกจับยัดถุงพลาสติกหิ้วทิ้งริมคันนา ที่อำเภอธาตุพนม จ.นครพนม คาดว่าเพิ่งเสียชีวิต 1 – 2 ชั่วโมง วันเดียวกัน พบทารกวัย 3 เดือนถูกแม่ทิ้งไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง จ.ลพบุรี นาน 3 วัน ร่างกายมีรอยยุงกัดเต็มตัว ร่างกายเริ่มเขียว พบข้าวของที่แม่ทิ้งไว้ มีนม 2 ขวด เสื้อผ้าเด็ก กล่องนม ผ้าอ้อมเด็ก ใบสูติบัตร

4 มกราคม 2560 ตำรวจ สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง ตรวจสอบชาวบ้านที่อุ้มทารก ซึ่งแจ้งว่าเธอได้ยินเสียงเด็กร้อง พบเด็กทารกถูกทิ้งไว้บริเวณเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญและมีถุงกระดาษใส่ขวดนม กระป๋องนม ผ้าอ้อมเด็กวางอยู่ เด็กอายุยังไม่ถึงเดือน

5 มกราคม 2560 ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไปตรวจศพทารกถูกนำไปทิ้งที่ป่าละเมาะ ริมถนนสายเอเชีย ทารกอายุประมาณ 7 เดือน คาดว่าเสียชีวิตไม่เกิน 3 ชั่วโมง

7 มกราคม 2560 ที่ป่าข้างทางศรีราชา จ.ชลบุรี ชาวบ้านเข้าป่าหารังมดแดงพบศพทารกถูกนำมาทิ้ง ใกล้ศพมีธูป 1 ดอก ขวดนมวางทิ้งอยู่ข้างๆ ตำรวจเร่งล่าตามตัวผู้ที่นำมาทิ้ง

11 มกราคม 2560 พบทารกแรกเกิดอายุประมาณ 7 – 10 วัน ถูกวางทิ้งไว้ในศาลาที่พักริมถนน เด็กร้องเพราะหิวนม ตำรวจคาดว่าแม่อาจจะไม่มีความพร้อม หรือมีปัญหากับพ่อของเด็ก มีเจตนาทิ้งเด็กอย่างแน่นอน

ปัญหาต่างๆ ลุงหมอไม่อยากให้คิดว่าแก้ไขไม่ได้ ทุกปัญหามีทางออกเสมอ แต่ไม่ใช่ฆ่าเด็ก ทิ้งเด็กแบบนี้ ขอให้ดูรอบตัวและติดต่อหาผู้ที่ให้การช่วยเหลือที่ปลอดภัยนั้นยังมีอยู่นะครับ ส่วนผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ แต่ใช้วิธีอันตรายทำแท้งก็ยังมีอยู่มาก อย่าตกหลุมไปเชื่อคนเหล่านั้นเด็ดขาด

มีแพทย์ที่พบปัญหาอันตรายแบบนี้ที่พบมาหลายรายเล่าว่า มีรายหนึ่งที่ท้องไม่พร้อมไปทำแท้งกับหมอเถื่อน หมอฉีดยาเข้าช่องคลอด แล้วเข้ามาโรงพยาบาล มีความดันเลือดต่ำมาก ช็อค ต้องตัดมดลูก ทำให้เธอต้องพิการและหมดโอกาสมีลูกอีก

รายถัดมาไปบีบหน้าท้องและฉีดยาเข้าช่องคลอด ต่อมา ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลพบติดเชื้อในกระแสเลือดจนช็อค ต้องตัดมดลูกและรังไข่ ผลสุดท้ายเสียชีวิต อีกรายไปให้หมอเถื่อนเอาไม้แทงและดูดออก ผลคือมดลูกทะลุ ต้องตัดมดลูกทิ้ง รายต่อมาให้หมอเถื่อนฉีดยาเข้าช่องคลอดในโรงแรม แล้วมีอาการบวมตามตัว ไตวาย และเสียชีวิต

การทำแท้งแบบไม่ปลอดภัยโดยคนที่ขาดความรู้ ขาดเครื่องมือ ทำให้เกิดผลตามมา คือ การรักษาที่สิ้นเปลืองทรัพยากร ทั้งคน ค่าใช้จ่าย เวลามากมายมหาศาล เแต่การป้องกันง่ายกว่า ถูกกว่า โดยการทำแท้งแบบปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็น หลีกเลี่ยงไม่ได้ด้านสาธารณสุข

ด้วยรักและห่วงใย

นพ.เรืองกิตติ์ ศิริกาญจนกูล ผู้ประสานงานเครือข่าย RSA

ร่วมติดดาวให้เนื้อหาที่ท่านชื่นชอบ

คลิกที่ดาวเพื่อติดดาวให้เนื้อหานี้

จำนวนดาวเฉลี่ย 4 / 5. จากการติดดาวทั้งหมด 5

ยังไม่มีการติดดาวให้กับเนื้อหานี้... เป็นคนแรกติดดาวให้เนื้อหานี้