หมอคะ เพื่อนหนูเพิ่งตายเดือนก่อนหลังคลอดลูกได้ 4 เดือน
หนูบอกแล้วอย่าท้องให้ทำแท้งดีกว่า เสียดายและคิดถึงเพื่อนรักจริงๆ
ผู้หญิงวัย 40 ปี มาฉีดยาคุมที่คลินิกเมื่อต้นมีนาคมที่ผ่านมา เอ่ยเรื่องนี้กับลุงหมอว่า เพื่อนเธอเป็นโรคมะเร็งเต้านมก่อนท้อง และได้ทำการรักษาฉีดยาคีโม จนอาการดีขึ้นแล้วเพื่อนมีลูกแล้วคนหนึ่งแล้ว ก็อยากมีลูกอีก และหลังได้ยาคีโมครบถ้วนแล้ว เธอตั้งท้อง แต่ปรากฎว่าเธอตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเต้านมอีกเมื่อท้องได้ 4 เดือน แต่ก็ตัดสินใจท้องต่อ พอตอนใกล้คลอดก็เกิดโรคแทรกซ้อนครรภ์เป็นพิษ จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด… แต่หลังคลอด อาการโรคมะเร็งเต้านมดำเนินต่อไป..จนกระทั่งเสียชีวิต
การตัดสินใจท้องต่อจนคลอด ผู้หญิงอาจต้องเผชิญความลำบากอันตรายจากโรคที่กำลังเป็นอยู่ หรือโรคที่อาจเกิดร่วมกับการตั้งครรภ์ เช่น ความดันโลหิตสูง การตัดสินใจว่าจะท้องต่อไป หรือ จะยุติตั้งครรภ์เป็นการตัดสินใจที่สำคัญต่อสุขภาพและชีวิต ผู้หญิงจึงจำเป็นต้องไตร่ตรองให้รอบคอบด้วยการหาคำตอบว่า
1) ท้องนี้จะมีอันตรายหรืออาการข้างเคียงต่างๆ มากกว่าการทำแท้งไหม
2) การท้องต่อจะกระทบต่อชีวิตทั้งร่างกายและจิตใจไหม ?
ถ้าหาคำตอบด้วยตนเองไม่กระจ่างชัด ก็ควรมาปรึกษาแพทย์หรือพยาบาล ผู้ให้บริการปรึกษาทางเลือกอาสา RSA หรือโทร 1663
ดังเช่นข่าวเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2560 ผู้หญิงแอบคลอดลูกที่บ้านที่อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นท้องที่ 3 โดยเธอมีลูก 2 คนกับสามีที่แยกทางกัน ท้องนี้เธอไม่ยอมบอกใคร และไม่ได้ไปฝากท้อง พอเจ็บท้องคลอดก็อยู่บ้านคนเดียว หลังคลอดมีการเสียเลือดมาก เมื่อคนมาพบเพราะได้ยินเสียงทารกร้อง เธอก็ได้สิ้นใจแล้ว…
ไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุอะไร แต่ถ้าเธอได้ปรึกษาเปิดใจได้กับใครไม่ว่าเพื่อน หรือแพทย์ พยาบาล ที่สามารถสร้างความไว้ใจให้เธอได้ เยียวยาจิตใจ ให้มีสภาพที่ดีขึ้น สถานการณ์น่าจะดีกว่านี้มาก ชีวิตทุกคนมีคุณค่าครับ
ก่อนหน้านั้นมีข่าววันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2560 ข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส มีหญิงวัยรุ่นอายุ 17 ปี ยุติการตั้งครรภ์เมื่อท้องได้ 8 เดือน และนำซากตัวอ่อนไปทิ้งถังขยะ มีอาการตกเลือดเข้าโรงพยาบาล แฟนเธอติดคุกคดียาเสพติด แม่ของเธอช่วยเลี้ยงลูกเธออีกคน เธอต้องมีเหตุผลที่กล้าทำกล้าเสี่ยง ไม่มีใครตั้งใจท้องเพื่อมาทำแท้ง เพียงแต่มีอะไรเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องตัดสินใจช่วงที่สามีติดคุก สุดท้ายต้องถูก พ่อแฟนประนาม ถูกตำรวจจับ แต่สภาพจิตใจของเธอต้องย่ำแย่แน่นอน สังคมควรรับฟังให้สิทธิเธอได้แก้ต่างตัวเองได้เพราะเธอเป็นคนที่ต้องเลี้ยงลูก ฉะนั้นเธอจึงเลือกทางออกแบบนี้ นั่นเพราะเธอคงไม่สามารถจะเลี้ยงได้และรู้ดีว่าต้องมีปัญหาตามมาอีกมากมาย ขอได้ช่วยกันเยียวยาเธอด้วยนะครับ ชีวิตเธอยังเป็นที่รัก มีคุณค่าสำหรับแม่และลูกของเธอ ลุงหมอขอส่งกำลังใจให้เธอด้วยนะครับ
มีผู้หญิงอายุ 37 ปี พอประจำเดือนขาดไป 7 วันก็ตรวจปัสสาวะ ระหว่างรอลุ้นผล เธอเล่าให้หมอฟังว่า “หนูรู้สึกกลัว มือสั่น ลุ้นว่าจะขึ้น 2 ขีดหรือขีดเดียว” พอขึ้น 2 ขีดก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก คิดถึงแต่ลูก เพราะลูกคนแรกเพิ่งได้ 9 เดือน ไม่เพียงเท่านั้น ตอนท้องแรกเมื่ออายุครรภ์ได้ 2 เดือนเศษ เธอพบว่าตัวเองตรวจพบเป็นมะเร็งเต้านมข้างขวา แพทย์ผ่าตัดเต้านมออกและให้ยาคีโม (chemotherapy) ตั้งแต่ท้อง 3 เดือน ซึ่งเธอได้ท้องต่อและต้องได้รับคีโมรวม 8 ครั้ง แต่เมื่ออายุครรภ์ 35 สัปดาห์ ได้คีโมไปแล้ว 6 ครั้ง แพทย์หยุดให้คีโมเพื่อให้เตรียมคลอด และได้คลอดด้วยการผ่าท้องคลอด เมื่อมาตรวจหลังคลอด เธอบอกคุณหมอไปว่ากำลังจะให้ยาคีโมต่อให้ครบ หมอจึงไม่ได้ให้เธอคุมกำเนิดชนิดใดๆ เหตุผลที่เธอไม่คุมกำเนิด เพราะกลัวยามีผลต่อมะเร็ง อีกทั้งร่างกายก็ยังไม่ปกติ เธอให้ลูกกินนมแม่เพียง 1 เดือนก็ต้องหยุด เพราะต้องเริ่มเข้าคีโมครั้งที่ 7 และ 8 เธอพยายามบีบนม เก็บน้ำนมแช่แข็งไว้ในตู้เย็น แต่ไม่มีน้ำนม แต่เธอพลาดที่ไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย บางครั้งกินยาคุมฉุกเฉิน
เมื่อพบว่าท้อง….
ก็รู้สึกผิดว่าพลาดเองที่ไม่ป้องกัน ท้องนี้เธออัลตร้าซาวด์ได้ 5 สัปดาห์ ที่เธอคิดคืออยากดูแลเรื่องมะเร็งเต้านมต่อให้ดีก่อน หมอนัดตรวจแมมโมแกรมทุก 3 เดือน ซึ่งถ้าท้องอยู่ก็ต้องงดตรวจ ก่อนหน้านี้เต้านมข้างซ้ายก็พบก้อนเล็กๆ คุณหมอบอกว่ามีโอกาสเสี่ยง ที่จะเป็นมะเร็งเต้านมอีกข้าง เธอจึงคิดถึงการยุติตั้งครรภ์ เพราะเธอต้องการให้ลูกโตสัก 3 ขวบจึงจะมีอีกคน เธอมีเหตุผลและความจำเป็นยังไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ในตอนนี้….
จากรายงาน “Is Abortion links to breast cancer?” พบสัดส่วนการเป็นมะเร็งระหว่างตั้งท้องถึง 1 ต่อ 1000 และพบมะเร็งเต้านม 1 ต่อ 3000 โดยคนท้องที่เป็นมะเร็งเต้านมสามารถรักษาด้วยคีโมแบบประคับประคอง จนถึงอายุครรภ์เฉลี่ย 38 สัปดาห์ จึงจะคลอดได้ ทั้งนี้ ต้องไม่มีโรคแทรกซ้อนระหว่างการคลอด
รายงานจากการศึกษาในประเทศแคนาดาพบคนไข้ท้อง 119 ราย มีมะเร็งเต้านมร่วมด้วย ในจำนวนนี้ 22 ราย ได้รับการช่วยยุติตั้งครรภ์ 12 ราย แท้งเอง มี 85 ราย คลอดมี 2 ราย โดยที่ทารกตายตอนคลอด ทารกทั้งหมดที่คลอดมีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์เฉลี่ย
คำแนะนำจากการวิจัยนี้คือ ภายหลังการวินิฉัยมะเร็ง ผู้หญิงควรชะลอการท้องไป 2-3 ปี เพราะมีโอกาสเกิดมะเร็งซ้ำขึ้นอีกภายใน 2 ปี และที่สำคัญแม่อาจไม่มีชีวิตอยู่นานพอที่จะเลี้ยงลูกได้ ดังนั้นการตัดสินใจว่าจะท้องหลังการวินิจฉัยมะเร็งเต้านม ต้องเป็นเรื่องเฉพาะตัวของคนไข้แต่ละคน
ความเจ็บป่วย โรคร้ายต่างๆ มีผลคุกคามต่อชีวิตและสุขภาพผู้หญิง เช่นเดียวกับเหตุผลด้านสุขภาพจิต ปัญหาเศรษฐกิจ ครอบครัว และสังคม ทำให้ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ต้องเลือกทางออกที่จะต้องปกป้องตัวเอง ซึ่งไม่เสียชีวิตแน่ เพียงแต่ขอให้ปรึกษาทีมช่วยเหลือมืออาชีพ
ด้วยรักและห่วงใย
ลุงหมอเรืองกิตติ์ ศิริกาญจนกูล