“พร” เป็นหญิงสาวร่างท้วม ผิวคล้ำวัย 25 ปี อดีตพนักงานห้าง มีลูกชายคนเดียวอายุ 9 ปี กำลังเรียนชั้นประถมศึกษา พรไม่เคยทราบมาก่อนว่าตนเองป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังเนื่องจากเธอไม่มีอาการผิดปกติใดๆ จนกระทั่ง 3 ปีที่แล้ว พรได้เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีของพนักงาน ผลการตรวจเลือดทำให้ทราบว่าตนเองเป็นโรคไตเรื้อรังระยะที่ 4 ซึ่งเกือบเป็นระยะสุดท้าย พรไม่มีญาติพี่น้องเป็นโรคนี้ แต่เธอมักจะรับประทานอาหารรสจัดมาตั้งแต่เด็ก และทานขนมขบเคี้ยวเป็นประจำ เธอรับการรักษาเพื่อชะลอไตเสื่อมแต่พบว่าไม่ดีขึ้น แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย จนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ 2560 เธอจึงต้องรักษาบำบัดโดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ วันละ 4 ชั่วโมง โชคดีมากที่พรสามารถใช้สิทธิ์ประกันสังคมรักษาได้ แต่ก็ต้องลาออกจากงานเพื่อการรักษา
พรจึงทำหน้าที่ดูแลบ้าน และรับ-ส่งลูกกลับจากโรงเรียนทุกวัน สามีทำงานรับจ้างทำหลังคาบ้าน ฐานะทางเศรษฐกิจไม่สู้ดีนัก เพราะสามีทำงานหาเงินอยู่คนเดียวและรายได้ไม่สม่ำเสมอ ทั้งคู่จึงไม่ต้องการมีลูกอีก เมื่อก่อนพรคุมกำเนิดด้วยการกินยาเม็ดมาได้ 5 ปีแล้ว แต่หยุดกินมาประมาณ 1 ปี คุณหมอโรคไตบอกว่าไม่ควรใช้ยาที่เป็นฮอร์โมน เธอจึงบอกสามีให้ใช้ถุงยางอนามัย แต่เขาไม่ชอบและมักไม่ใช้ จึงได้แต่คิดว่าตนเองเป็นโรคไต ร่างกายก็ไม่แข็งแรงคงไม่ตั้งครรภ์ จึงละเลยเรื่องการคุมกำเนิดไป
หลังจากประจำเดือนขาดไป 2 เดือน พรจึงตรวจการตั้งครรภ์ พบว่าขึ้น 2 ขีด พรได้ปรึกษาหมอโรคไต หมอตรวจปัสสาวะอีกครั้งผลก็เหมือนเดิม หมอบอกว่าเธอสามารถตั้งครรภ์ต่อไปได้แต่ต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 5 ครั้ง และจ่าย 2 ครั้งที่เพิ่มขึ้นเองเพราะเกินเพดานของประกันสังคม การต้องเสียค่าใช้จ่ายเองครั้งละ 2,000 บาททำให้เธอรับภาระไม่ได้ แพทย์โรคไตจึงส่งตัวมายังห้องตรวจสูติ-นรีเวชเพื่อปรึกษา พรวิตกกังวลมาก ผลตรวจอัลตร้าซาวด์พบว่าตั้งครรภ์ 7 สัปดาห์ เธอได้รับการปรึกษาและยุติการตั้งครรภ์จากสูติแพทย์และพยาบาลวิชาชีพซึ่งเป็นเครือข่ายอาสา RSA โดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ ผลการรักษาลุล่วงไปด้วยดีไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆเกิดขึ้น
พรมาติดตามผลการรักษาในสัปดาห์ถัดมาด้วยสีหน้าและท่าทีที่สดชื่นแจ่มใสผิดกับวันแรกที่มาปรึกษา เธอบอกขอบคุณทีมอาสา RSA และ รู้สึกดีใจมากต่อการช่วยเหลือครั้งนี้ ส่วนเรื่องการคุมกำเนิดนั้นเธอได้ตกลงกับสามีแล้วว่าจะใช้ถุงยางทุกครั้ง และถ้าพร้อมแล้วจะมาทำหมันเพราะไม่อยากเผชิญกับปัญหาเหมือนเดิมอีก
ด้วยรักและห่วงใย
ลุงหมอเรืองกิตติ์ ศิริกาญจนกูล
ที่มา : www.lovecarestation.com