วันนี้ขับรถออกจากบ้านเพื่อไปกินอาหารมื้อเช้าตามปกติ และในช่วงวันอาทิตย์เช้าๆ แบบนี้ ได้เปิดเพลงฟังจากสถานีวิทยุที่คุ้นเคย สถานีนี้จะเปิดเพลงฝรั่งเก่าๆ สมัยที่ผมเป็นหนุ่ม ยาวตลอดไปจนถึงเที่ยง ฟังแล้วฟินเสียทุกทีไม่มีโฆษณาคั่น
“Pretty boy” เพลงฝรั่งของสองสาว M2M เปิดมาพาให้หัวใจชุ่มชื่น ปกติผมไม่ได้คลั่งไคล้เพลงสากลไปมากมายนักหรอก ผมน่ะ สายพี่ป้อมพี่โต๊ะ ไมโคร นูโว ต่างหาก แต่ที่มาติดใจเพลงนี้ก็เพราะช่วงหนึ่งของชีวิตคนเป็นพ่อ คือการที่ต้องกระเตงลูกพาดบ่าแล้วกล่อมให้มันนอน
ผมจำได้ว่า เมื่อตอนที่พี่แป้งอยู่ในมดลูกแม่มันนั้น ผมแทบจะคุยเล่นกับลูกอยู่ทุกคืน ลูบพุงเมียไป คุยกับลูกสาวไป เรียกมันว่า “แป้ง” ตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นหน้ากัน บางทีลูกดิ้นโก่งตูด ก็เอามือตีให้สักที
ส่วนแม่ของเธอมักจะใช้วิธีลูบพุงแล้วร้องเพลงกล่อมเด็ก “เจ้านกเขาเถื่อนเอย” ให้ลูกฟัง แต่นั่นแหละ เวลาที่ดีที่สุดที่จะได้รับรู้พฤติกรรมของลูกในท้องก็คือช่วงกลางคืนเพราะมันสงบและเงียบ เราจึงพอรู้ว่า ลูกชอบการทักทายแบบไหน
ผมรู้ว่า แป้งไม่ชอบเสียงผมร้องเพลง
ร้องให้มันฟังทีไร มันจะนิ่งไปเสียทุกครั้ง แบบที่ว่า กำลังดิ้นสนุกๆ ครั้นพ่อเริ่มทักทายด้วยเสียงเพลง แป้งจะหยุดดิ้นไปพักหนึ่งเลย เป็นบ่อยเข้า แม่มันจึงขอร้องว่าอย่าได้ร้องเพลงกล่อมลูกอีกเลย เพลงนั้นต้องสงวนไว้ให้แม่ร้องได้คนเดียว เสียงพ่อมันไม่เอาไหน
โถ…
จนเมื่อแป้งเกิดออกมา ก็มีเหตุให้ผมต้องเลี้ยงลูกเองอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง เพราะเมียต้องขึ้นกรุงเทพฯ เพื่อเตรียมสอบเป็นหมอตาอยู่ราว ๒ เดือน คราวนี้จะทำยังไงล่ะ นมผมก็มีแค่หัวตุด ลูกคาบดูดไม่ได้ นมกระป๋องมันก็ไม่เอา เลยต้องกระเตงไว้ที่บ่า เปิดเพลงของ M2M ให้มันฟัง ฟังมันตั้งแต่เพลงแรกจนมาถึงเพลงที่ ๕ ซึ่งมันก็คือ Pretty boy ลูกจึงได้คลายตัวลงและหลับบนไหล่พ่อคอพับคออ่อนไป
ค่อยๆ พยุงลูกลงนอนในเปล หาโอกาสที่ปากมันเผยอ จึงได้เอาขวดนมจุกปากมัน ดูดรวดเดียวหมดขวดเกลี้ยง แล้วอุ้มพาดบ่าอีกทีให้มันได้เรอ แล้วเราก็นอนกันต่อไป
ผมจึงหัวใจชุ่มชื้นเสียทุกครั้งที่ได้ยินเพลง Pretty boy ดังขึ้นมา
ถึงตอนนี้แป้งเป็นสาวมากแล้ว และลูกก็กำลังจะออกจากอกเพื่อไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัย มีบางสิ่งที่พ่อจะต้องเตรียมความพร้อมในบางเรื่องจึงต้องจัดการ
“แป้งครับ เรามาเรียนรู้วิธีการใส่ถุงยางกัน” ถ้าใครเคยอ่านเรื่องที่ผมเขียนมานานประมาณหนึ่ง คงพอจำได้ว่าผมเคยคุยเรื่องนี้กับลูกมาแล้ว
“ฮาย..พ่อ จะรีบไปไหน” เธอครวญ
“ก็ลูกจะต้องไปเรียนที่กรุงเทพแล้ว พ่อก็ต้องประเมินก่อนสิ ว่าลูกป้องกันตัวเองในเรื่องนี้เป็นหรือยัง เจอแฟนหล่อๆแล้วเดี๋ยวจะเสียตัวเอา” นั่นคือเหตุผล
“แล้วก็หาพกติดตัวด้วย” ผมยังไม่หยุด แม่มันนั่งยิ้ม
“เวลาถูกไซ้ซอกคอจนขาอ่อนปวกเปียกแล้ว จะออกไปหาซื้อถุงยางตอนนั้นมันก็ไม่ทันหรอก” คราวนี้เจ้าตัวหัวเราะ……………….
ผมว่านี่มันคือเรื่องสำคัญมากเชียวนะ
การสอนลูกแบบนี้ อันที่จริงแล้วผมมีเหตุผลอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ลึกๆ
นั่นคือการให้ลูกได้ทราบว่า ลูกโตแล้ว เลือกวิถีการใช้ชีวิตได้ และลูกต้องปลอดภัย
ผมไม่ได้นึกคิดจินตนาการไปว่า ลูกจะไปแรดหาผู้ชายมานอนด้วย หรือเสนอตัวมีเซ็กส์อย่างรวดเร็วเพราะตัวเองใช้ถุงยางเป็น และพ่ออนุญาต เพราะกระบวนการครองชีวิตนั้น ลูกได้รับการสอนสั่ง การได้เห็น การได้พูดคุยด้วยกันมาตลอดตั้งแต่มันจำความได้
แต่การสอนให้ลูกใช้ถุงยางนั้น มันคือความจำเป็นของชีวิตที่จะไม่ติดโรคและไม่ท้องเมื่อยังไม่ถึงเวลา และที่สำคัญ หากมันเกิดพลาดพลั้งไปมีเซ็กส์ขึ้นมาแล้วจริงๆ มันจะได้ไม่เสียใจไง ไหนจะกลัวพ่อรู้ กลัวแม่ว่า
“นึกจะมีเซ็กส์สักที ต้องมีให้ฟิน อย่าได้เสียตัวฟรีๆ อย่าได้กังวลใจว่าจะติดโรค หรือท้อง” ผมเคยบอกลูกไปอย่างนี้ เห็นไหม ผมไม่ได้บอกให้ลูกลองไปมีเซ็กส์สักหน่อย
“มีอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องระวังอีกเรื่องนะลูก” ผมพูดออกมา ส่วนเจ้าตัวก็เหลือกตาขึ้นมาสบตาเล็กน้อย เพื่อเป็นการบอกว่า “ฟังอยู่”
“เวลาไปมีเซ็กส์ อย่าให้ผู้ชายมันถ่ายรูป อย่าอัดคลิปเด็ดขาด” คราวนี้เธอแบะปาก
“ใครจะไปทำอย่างนั้น” แป้งยิ้มเห็นฟันเรียง
“รู้มั้ย พ่อเองนะ อยากถ่ายตอนที่กำลังมีเซ็กส์กับแม่ใจจะขาด ยังไม่เคยทำเลย นี่ลืมไปแล้วว่าแม่ตอนสาวๆเป็นยังไง เสียดายจริงๆ” ผมทอดเสียงยาว
“เผียะ” เมียคงอายลูก
“แต่ที่ไม่ได้ถ่ายไว้นั้น ก็เพราะรูปมันหลุดออกไปได้นะลูก รูปในมือถือมันกู้ออกมาดูได้ รูปในคอมก็กู้ออกมาง่าย มันง่ายไปเสียหมด ลูกก็น่าจะรู้ดี” เธอพยักหน้ารับทราบ
“ผู้ชายเหี้ยๆ มีเยอะนะลูก จะหาใครดีแบบพ่อคงจะยาาาาาาก” มาแบบนี้เล่นเอาขนมปังในปากเธอกระเด็นออกมา พนักงานเสิร์ฟในร้านแอบหัวเราะ เพราะมันพอดีกับที่ต้องมาเสิร์ฟสลัดอะโวกาโด้กับผักร็อกเก็ตให้ที่โต๊ะ ไม่รู้ว่าเธอหัวเราะเพราะเห็นหน้าผู้ชายดีๆ คนนั้น หรือหัวเราะเพราะขนมปังกระเด็นจากปากแป้ง
……………
นานมาแล้ว ช่วงที่ลูกสาวยังเด็กๆ
ผมอยากดูหนังโป๊ อยากดูมาาาาก สมัยนั้นอินเตอร์เน็ตมันกาก เลยต้องออกไปหาซื้อวีซีดีแถวตลาด โห มันมีเยอะมาก มากเสียจนเลือกไม่ถูก
ไอ้ที่เลือกไม่ถูกนั้นอาจจะไม่ถูกนัก เพราะเอาเข้าจริงๆ ผมกลับไม่กล้าเลือก มันเขินอายบอกไม่ถูก หน้าแดง ร้อนผ่าว เลยได้แต่เดินเฉียดไปเฉียดมา ยืนดูนิ่งๆ บ้าง
ผ่านไปเกือบ ๒ ชั่วโมง ผมก็ยังไม่กล้าหยิบมาสักแผ่น เดินจนเหงื่อชุ่ม
ตัดสินใจ ต้องสอยติดมือมาให้ได้
ผมหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าร้านหนึ่ง ภาพเปลือยโป๊อย่างโจ่งครึ่มตั้งเรียงโชว์อยู่ราว ๒๐ เรื่อง ดูไปก็ใจสั่นไป สั่นเพราะสยิว และสั่นเพราะต้องตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะหยิบขึ้นมาสักแผ่น
“เอาวะ แผ่นนี้น่าจะดูดี” หึหึ คิดไปในใจ จะแผ่นไหนมันก็ไม่น่าจะแตกต่างกันมั้ย
“อาจาาาาาาารย์ครับ” มือที่ยื่นออกไปพลันหดกลับ หันไปหาตามเสียงเรียก พบชายหนุ่มวัยลูกศิษย์นักเรียนแพทย์ เค้าทักทายสวัสดี ผมรับไหว้
“อาจารย์ครับ นี่พ่อกับแม่ผมครับ พ่อกับแม่มาเยี่ยม ผมจึงพามาเดินหาซื้อของ” เค้าแนะนำตัวผมให้รู้จักกับบุพการี
“สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้สวัสดีทั้งสองท่าน เหงื่อเปียกชุ่มไหลรดหัวนม หัวใจเต้นเร็วและรัว ผิวหน้าแดงซ่านประหนึ่งสตรีวัยทอง
“นี่ถ้าหากในมือมีแผ่นซีดีโป๊ คงหล่อพิลึก” ผมนึกในใจ
“อาจารย์มาหาซื้อหนังเหรอคะ” คนที่เป็นแม่ทักทาย
“ครับ” ผมตอบ พลางหันไปหาคนขาย
“เอาลอร์ดออฟเดอะริง ภาค ๒ มาแผ่นนึงครับ” ผมบอกคนขายออกไป
เขายิ้มรับและหยิบซีดีที่ต้องการให้ผม
“ลอร์ดออฟเดอะริง”
ผมนี่โคตรเกลียดหนังเรื่องนี้เลย พับผ่าดิ
ธนพันธ์ ชูบุญพริ้ตตี้บอย ๗ เมย ๖๒
ที่มา : https://www.gotoknow.org/posts/661286
พ่อสอนลูกสาว โดย ผศ.นพ.ธนพันธ์ ชูบุญ