“หมอครับ ผมเสร็จเร็ว หมอช่วยผมหน่อย”
ยังไม่ทันจะได้หย่อนก้นลงนั่ง เจ้าหนุ่มน้อยคนนี้เขาก็บอกความร้อนใจให้ช่วยเหลือ

“ใจเย็นๆ หมอไม่ได้หนีไปไหน ปิดประตูแล้วก็นั่งลงก่อน ค่อยๆเล่ามา” ผมขำ

“มันหลั่งเร็วครับหมอ”

“เร็วแค่ไหนล่ะ” ผมบันทึกคำบ่นของเขาลงไปในประวัติว่า “premature ejaculation” แล้วเหลือบมองอายุของไอ้หนุ่มที่กำลังทุกข์ร้อน ออ..ยังไม่เบญเพส อีกหลายปีอยู่

“ไม่ถึงนาทีครับ บางทีชักเข้าชักออกไม่ถึง ๕ ครั้งก็เสร็จแล้ว” เออ..ก็นับว่าเร็ว ผมนึกในใจ แล้วหันไปหาน้องผู้หญิงที่เดินเข้ามาด้วยกัน เธอน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าหนุ่มคนนั้น หน้าตาเธอดูราบเรียบ ไม่ได้เรียกว่าสะสวย แต่ก็มีเค้าหน้าให้ชวนมอง

“เธอล่ะ เขาถึง แล้วเธอถึงมั้ย” ผมถาม

“เดี๋ยวๆๆ ค่ะหมอ” ท่าทางกึ่งตกใจนั้นทำให้ผมทั้งตกใจและขำไปในคราวเดียวกัน

“หนูเป็นเพื่อนมัน ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่เมีย มันไม่กล้ามาหาหมอคนเดียว จึงลากหนูเข้ามาด้วย” แล้วเธอก็ตีไปที่ต้นขาของไอ้หนุ่มนั้นป้าบหนึ่ง

“เห็นไหมมึง ชอบหนีบกูไปทุกที่ จนคนอื่นเค้านึกว่ากูเป็นเมียมึงไปหมดแล้ว” แล้วเธอก็หันมาหาผมหน้าแดงระเรื่อ
“หมอไม่ใช่คนแรกหรอกค่ะ”

“เอ๋า เหรอ ขอโทษที” ผมบอกออกไปพลางก็สงสัย คนอื่นเค้าก็น่าจะเข้าใจผิดได้อยู่หรอก เพราะขนาดเรื่องบนเตียงของเขา เธอยังต้องรับรู้และต้องพามาพบผมเลย

“เอาล่ะ เล่ามา มันเกิดอะไรขึ้น” ผมหันกลับไปหาเจ้าหนุ่มนั่น ซึ่งเรื่องเล่ามันก็คล้ายๆ กับคนอื่นๆ นั่นแหละ ถอดเสื้อผ้า จูบปาก จับนม สอดจู๋ใส่เข้าไป แล้วไม่ทันไรพอได้ชักเข้าชักออกไม่กี่ทีก็ถึงจุดสุดยอดทางเพศเรียบร้อย

ส่วนผู้หญิงก็งง เมื่อกี๊ทำอะไรไปวะ ยังไม่ทันได้เสียวเลย หงุดหงิด รู้สึกเหมือนเสียตัวฟรี เรื่องแบบนี้ฟังมาบ่อย

“หมอช่วยมันหน่อย หนูขี้เกียจฟังมันมาพล่ามระทมทุกข์ให้ฟังแล้วค่ะ” เธอพูดขึ้นมาหางตามองไปที่เขา

“แล้วผู้หญิงเค้าว่าไงบ้างล่ะ” ผมถามเจ้าตัว
“เค้าก็จะเลิกกันมันน่ะสิคะหมอ” เธอตอบแทน

“นั่นก็หมายความว่า ผู้หญิงคนนั้นมาคบกับเอ็งเพราะเรื่อง sex ใช่ไหม พอไม่ได้สนุกด้วยเลยจะเลิกไป” ผมยังคงถามเจ้าหนุ่มนั่น

“เห็นไหม กูบอกมึงแล้ว อีแพรน่ะ มันเอามึงก็เพราะเรื่องนี้หรอก”

หึหึ อีแพรน่ะ ผมอุปโลกน์ขึ้นมาเองนะครับ ใครชื่อแพร ขออย่าได้โกรธ จะตั้งชื่อว่า “อีพริ้ง” มันก็เกินไป หรือจะชื่อ “ลำยอง” ก็ไม่ขนาดนั้น

“หนูเตือนมันหลายครั้งแล้วนะหมอ มันก็ไม่เชื่อหนู” เธอยังคงสาดกระสุนใส่เพื่อนชายของเธอไม่ยั้ง

“เอาล่ะ เดี๋ยวหมอจะสอนวิธีจัดการเรื่องหลั่งเร็วให้”
“ครับ”

“อย่างแรก เมื่อใกล้จะถึงจุดสุดยอดแล้ว ให้หยุด แล้วค่อยๆ ดึงเจี๊ยวออกมา จากนั้นใช้มือบีบที่บริเวณหัวเห็ดส่วนปลายอย่างนี้” ผมขอให้เขายกนิ้วโป้งขึ้นมา ประหนึ่งว่านั่นคือจู๋ของเขา บีบด้วยความแรงประมาณหนึ่ง
“พอความกระสันมันเริ่มหาย ก็ค่อยเริ่มมี sex กันใหม่ ทำแบบนี้สักสามสี่ครั้งแล้วค่อยยอมให้ถึงจุดสุดยอด”

“ใครเป็นคนบีบครับหมอ”…“เอ๊า ใครก็ได้ เอ็งก็ได้ หรือให้แฟนเอ็งก็ได้ ใช้มือนี่แหละบีบ อย่าใช้ปากเชียวล่ะ เดี๋ยวจะเสร็จเลยก็ตอนนั้น หรือไม่ก็ถูกฟันครูดจนเป็นแผล หมอขี้เกียจรักษาโรคเจี๊ยวถลอก” เจ้าเพื่อนสาวคนข้างๆ หัวเราะชอบใจ ผมสังเกตเห็นแววตาของเธอที่มองไปนั้น มันรู้สึกคุ้นๆ

“หมออยากจะแนะนำว่า ท่าของการมี sex ที่เหมาะสมในกรณีแบบนี้ก็คือให้ผู้หญิงอยู่บน ปล่อยให้เค้าทำ มันจะทำให้เค้าถึงเร็วขึ้น ส่วนเรานอนเฉยๆ ไปก่อน ปล่อยร่างกายให้รีแล็กซ์ เราจะถึงช้าออกไปอีกนิด” ผมสาธยาย

“หนูว่าแล้ว หนูเคยอ่านมาจากที่ไหนสักที่ เค้าบอกแบบหมอนี่แหละ แต่มันเถียงหนู ว่าไม่ใช่” เธอบอกพลางหันไปมองเพื่อนสนิทของเธอแล้วหัวเราะเยาะพองาม

“เห็นไหม มึงน่ะไม่เชื่อกู เนี่ย..จึงต้องมาฟังจากปากหมอ” ถึงเวลาก็ได้โอกาสทับถมกันทันที ตอนนี้ผมบอกไม่ถูก ว่าจะขำหรือสงสารไอ้หนุ่มคนนี้ดี

“อีกอย่าง หมอคิดว่าการใช้ถุงยาง มันช่วยลดความกระสันได้นะ” ผมหยุดนิดหนึ่ง เพราะรู้สึกว่า คำแนะนำแบบนี้อาจจะไม่ใช่

“ฟังให้ดีๆ นะ ถุงยาง ไม่ได้ลดความเสียว เพราะถุงยางมันบางมากๆ บางเฉียบเลย มันเสียวเหมือนกับไม่ได้ใส่นั่นแหละ แต่เมื่อเริ่มจะมีความกระสัน หรือความเงี่ยนมากๆ ขึ้นมาแล้ว ถุงยางมันจะช่วยลดความเงี่ยนได้นิดหนึ่ง เราจะยืดการถึงจุดสุดยอดทางเพศได้เหมือนกันนะ” ขอโทษนะครับ ที่ใช้คำพูดที่ฟังดูแล้วอาจจะไม่สุภาพ แต่หากเป็นการพูดกับคนในช่วงวัยบางวัย ผมอาจจะใช้คำแบบนี้จริงๆ

“ถามหน่อย ใช้ถุงยางกับน้องแพรบ้างมั้ย” ยัง ผมยังใช้ชื่อนี้อยู่

“ไม่ค่อยครับหมอ ผมว่ามันไม่ใช่”
“ไม่ใช่ไรวะ” ผมเริ่มต้อน

“คนรักกันเค้าไม่ใช้กันมั้ย” นั่นแน่! มาแบบเดียวกันหมดนะไอ้วัยรุ่น

“นี่..น้องแพรคือคนแรกของเอ็งมั้ย” ผมถาม ตาจ้องเขม็ง
“ใช่ครับ ผมน่ะ ยังซิงๆ นะหมอ”

“ไอ้นี่มันอ่อนหัดค่ะหมอ เชื่อเถอะ มันซิงจริงๆ” แล้วเธอก็ยิ้มให้เจ้าหนุ่มเพื่อนซี้นั่น
“อายล่ะสิ กูบอกมึงแล้ว อย่าลากกูเข้ามา กูยืนอยู่ข้างนอกของกูอยู่ดีๆก็ดีอยู่แล้ว” ผมแอบเห็นท่าทางการค้อนของเธอผู้นั้น มันมีแววน่ารักซ่อนอยู่

“แล้วน้องแพรล่ะ เค้าเคยมีผู้ชายคนอื่นมาก่อนมีเอ็งมั้ย” เจ้าหนุ่มนั่นมันพยักหน้า
“แล้วน้องแพรเคยมี sex กับผู้ชายคนอื่นๆมาก่อนมั้ย” ผมยังไม่ยอมจบ เจ้าตัวยังคงพยักหน้า

“แล้วเอ็งคิดว่า ตอนที่น้องแพรเค้าเอากับคนก่อนๆ นั้น เค้าใช้ถุงยางกันไหม” กระสุนเม็ดแรกถูกยิงออกไป

“ไม่น่านะครับ” เหมือนคนถูกยิงถากๆ แล้วหน้าตาตื่นๆ ตอบมา

“แล้วน้องแพรจะมีเชื้อโรคในจิ๋มได้ไหม” กระสุนเม็ดที่สองถูกยิงออกไปอีก

“ไม่น่าจะมีนะครับ” เขาคงสงสัย ว่าผมกำลังจะทำอะไร

“แล้วคนมีโรคกับคนไม่มีโรค มันมีหน้าตาต่างกันยังไง” กระสุนเม็ดที่สาม

เขาเงียบ…

“เอ็งคิดว่าต่างกันไหม” ผมจบการยิงด้วยคำถามนี้
“ไม่น่าจะต่างนะครับ ไม่น่าจะดูออก” เหมือนเป็นการยอมจำนน

“เห็นไหม กูบอกมึงกี่ครั้งแล้วว่าให้ใช้ถุง นี่มึงไม่ใช้เลยจริงๆ เหรอ” เขาถูกเพื่อนสาวตีเข้าที่ต้นขาอีกป้าบหนึ่ง
“ก็ใช้บ้างไม่ใช้บ้าง ใช้นั่นแหละ แต่ไม่ทุกครั้ง” หน้าเขาหงอยลงเล็กน้อย

“แต่ถ้าหมอจะหมายถึง HIV ผมไม่ติดโรคนะครับหมอ วันก่อนเพิ่งไปบริจาคเลือดมา” เขาบอก

“อ้าว..ไอ้กร๊วก มีพฤติกรรมเสี่ยงแบบนี้ ยังจะพาตัวเองไปบริจาคเลือดมาอีก เรียกว่าชั่วแล้วมั้ยเอ็ง ทีหลังอย่าทำตัวอย่างนี้อีก ถ้ายังไม่เลิก หมอจะแช่งให้ถึงเร็วอย่างนี้ตลอดไปรักษาไม่หาย จ่อก็เสร็จ จ่อก็เสร็จ จำไว้นะ” รู้สึกหงุดหงิด แต่ก็แอบภูมิใจในคำสาปแช่งของตัวเองที่นึกขึ้นมาได้ทันเวลา

“เอาล่ะ หมอจะลองให้ยาไปกินสักนิด เพื่อช่วยยืดเวลาการหลั่งออกไปได้บ้าง อย่าลืมลองทำตามคำแนะนำที่ให้ไว้นะ” ผมบอกหนุ่มคนนั้น

“หมอไม่นัดนะ แต่หากยังไม่โอเคก็มาคุยกันใหม่ คราวนี้จะมาด้วยกันอีกไหม” ผมถามทั้งคู่

“มันไม่มีทางขาดหนูได้หรอกค่ะหมอ อ่อนหัดเสียอย่างนี้” เธอหัวเราะประหนึ่งผู้กำชัยชนะไว้ในมือดูแข็งกร้าว แต่เชื่อผมเถอะ ในแววตาของความเป็นเพื่อนสนิทคู่นั้น มันมีอะไรที่ผมรู้สึกว่าช่างคุ้นตาเสียเหลือเกิน
……………………….

ครั้งหนึ่งนานมาแล้วที่ผมมีความรัก มันคือความรักในสมัยวัยรุ่นช่วงปลายๆ ที่ผมคิดว่ามันคือรักแท้ ผมไปรักเพื่อนสนิทของ “จิ๋ม”

“เธอช่วยเราหน่อย” ผมบอกจิ๋ม ซึ่งเป็นเพื่อนที่แทบจะสนิทที่สุดในตอนนั้น
“อย่าๆๆ อย่ามาใช้เราเป็นสะพานทำเรื่องแบบนี้ เดี๋ยวเราจะเสียผู้เสียคน” นั่นคือการปฏิเสธที่บาดใจผมอย่างมาก

“แต่ไม่เป็นไร ไม่มีเธอช่วย เราจีบเองก็ได้วะ” ผมรำพึงในใจ

และที่สุดแล้ว ผมก็พ่ายแพ้ต่อความรักเพียงข้างเดียวที่เพียรพยายามมานาน ๓ ปี

“เราบอกเธอแล้ว ว่าไม่สำเร็จหรอก ไงล่ะ กลายเป็นผู้แพ้ทีเดียว เล่นเอาหน้าตาเหมือนหมาหงอยเลย”
เสียงห้วเราะเยาะเย้ยถากถางแบบนี้ออกมาจากปากเธอทุกครั้งที่ผมจิตตก

“ทำไมต้องทับถมกันด้วยวะ” รู้สึกเศร้าใจ แต่ผมก็ไม่มีอารมณ์ที่จะต่อล้อต่อเถียงด้วย
“แป๊ะจะได้หายเศร้าเร็วๆไง เรากำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้” นั่นคือเหตุผลที่ได้รับกลับมา

มันก็ดูมีเหตุผลนะ เพราะยามที่ผมเศร้าใจสุดๆ ก็มีแต่จิ๋มนี่แหละที่อยู่ใกล้ แม้ไม่ได้ปลอบใจ แต่ผมจำแววตาคู่นั้นได้

แม้นสำเนียงส่อถึงการเยาะเย้ย ถากถาง หัวเราะชอบใจ แต่ในแววตาของเธอนั้น มันมีอะไรซ่อนอยู่ที่ทำให้ผมรู้สึกได้ว่า มันไม่ใช่การถากถางจริงๆ

หึหึ ยังไงล่ะ

ตอนนี้ จิ๋มก็มาเป็นเมียผมเรียบร้อยไปแล้วน่ะ สิผมคือผู้กุมชัยชนะต่างหาก ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ธนพันธ์ ชูบุญเสร็จตามปกติ
๒๘ พค ๖๒

ที่มา : https://web.facebook.com/100001116121950/posts/2236833653030484/?_rdc=1&_rdr เรื่องโดย ผศ.นพ. ธนพันธ์ ชูบุญ

ร่วมติดดาวให้เนื้อหาที่ท่านชื่นชอบ

คลิกที่ดาวเพื่อติดดาวให้เนื้อหานี้

จำนวนดาวเฉลี่ย 4.2 / 5. จากการติดดาวทั้งหมด 29

ยังไม่มีการติดดาวให้กับเนื้อหานี้... เป็นคนแรกติดดาวให้เนื้อหานี้