“ถุงยางอนามัย” เป็นเรื่องของคนสองคนที่ต้องพูดคุยและช่วยกันเตรียมไว้ เพราะการมีเซ็กซ์ที่ปลอดภัยไม่ใช่เรื่องน่าอาย แถมยังทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างมีสุขภาพทางเพศที่ดีอีกด้วย เป็นที่รู้กันว่าอุปกรณ์คุมกำเนิดส่วนใหญ่นั้น ผลิตขึ้นโดยมุ่งไปที่ผู้หญิงเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นยาคุมกำเนิดแบบเม็ด ยาฉีดคุมกำเนิด หรือห่วงคุมกำเนิด ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่มุ่งไปที่การป้องกันท้องแต่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เอชไอวี/เอดส์
ในขณะที่ถุงยางอนามัยเป็นอุปกรณ์การคุมกำเนิดอีกชนิดหนึ่ง และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ปลอดภัยจากการติดโรคได้มากที่สุดและยังป้องกันท้องได้อีกด้วย
ความกังวลใจถึงผลที่จะตามมาของการมีเพศสัมพันธ์อาจเกิดขึ้นทั้งหญิงและชาย แต่ปัญหานี้ดูจะตกหนักที่ผู้หญิงมากกว่า สิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะกังวลนั้นเป็นเรื่อง “ท้องโดยไม่ได้ตั้งใจ” มากกว่าที่จะกลัวการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากคู่นอน
ทั้งที่จริงๆ แล้วเรื่องท้องไม่ใช่ปัญหาเดียวที่สำคัญ เพราะการติดโรคทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะเอชไอวี /เอดส์ ซิฟิลิส ก็สำคัญไม่แพ้กันเลย และประเด็นหลังนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้หญิงและผู้ชายเท่าๆ กัน ถ้าหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีเชื้อก็สามารถที่จะติดต่อไปสู่อีกฝ่ายหนึ่งได้
ในปัจจุบันถุงยางอนามัย รวมถึงถุงอนามัยสตรี เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งมีข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์ สนับสนุนว่ามีประสิทธิผลที่สุดในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมทั้งยังใช้ในการป้องกันการตั้งครรภ์ (WHO,2009)
เพื่อความปลอดภัยของเราและคู่ และยังช่วยทำให้ไม่ต้องกังวลใจหรือเป็นทุกข์ใจทั้งเรื่องท้องและการติดโรค นั่นก็คือ การใช้วิธีป้องกันแบบคู่ Dual Protection คือ การที่ผู้ชายใช้ “ถุงยางอนามัย” ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ควบคู่กับการที่ผู้หญิงเลือกวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันท้อง เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิดรายเดือน ยาฉีดคุมกำเนิด ห่วงอนามัย ยาฝังคุมกำเนิด เป็นต้น
กรณีวัยรุ่นต่ำกว่าอายุ 20 ปี ทุกสิทธิการรักษาที่ต้องการคุมกำเนิด /อยู่ในภาวะหลังคลอด/หลังแท้ง สามารถรับบริการคุมกำเนิดกึ่งถาวร ห่วงอนามัย ยาฝังคุมกำเนิด ได้ฟรี สามารถตรวจสอบสถานบริการที่ให้บริการคุมกำเนิดกึ่งถาวรในประเทศไทยได้ที่นี่ : https://rsathai.org/healthservice