ข่าวสะเทือนใจผู้คนในสังคม ซึ่งเป็นข่าวที่ไม่น่าเกิดขึ้น น่าจะป้องกันได้ในยุคนี้ นั่นคือ แม่วัยรุ่นท้องไม่พร้อมเสียชีวิต 2 คนในช่วงเวลาต่างกัน แต่เกิดเหตุที่ตำบลช้างเผือก จังหวัดเชียงใหม่เหมือนกันทั้งคู่

13 กุมภาพันธ์ 2563 ข่าว “แม่ร่ำให้ รับศพนักศึกษาสาววัย 19 ปี กินยาแท้งลูก ตกเลือดตายคาห้องน้ำ”
16 สิงหาคม2563 ข่าว “นักศึกษาเชียงใหม่ ท้องในวัยเรียน แฟนหนุ่มยืนกรานไม่เอาเด็ก ฆ่าตัวตายยุติปัญหา”

ความจริงของวัยรุ่นท้อง 2 ราย มีความเหมือนกันคือ มีความทุกข์จากท้องไม่พร้อม มีฝ่ายชายที่ไม่รับผิดชอบ พ่อแม่ไม่ได้รับรู้ปัญหาของลูกสาว ทำให้ต้องสูญเสีย พ่อแม่ครอบครัวมีความทุกข์ ความจริงที่ต่างกันคือ คนแรกเลือกไม่ท้องต่อและทำแท้ง คนหลังเลือกท้องต่อไม่อยากทำแท้ง

ความจริงเหมือนกันที่สำคัญที่สุดคือ เธอทั้งคู่เลือกที่จะแก้ปัญหาเองอย่างเดียวดาย อยู่ในสถานการณ์อันตรายตามลำพัง โดยไม่ได้หาผู้ช่วยที่จะให้การปรึกษาแนะนำช่วยเหลือจัดการแบบมืออาชีพ น่าเสียดายที่อาจไม่ได้ค้นหา หน่วยงาน คลินิก/โรงพยาบาล โทรสายปรึกษา ที่พร้อมให้บริการติดตามดูแลตลอดในช่วงเผชิญความเสี่ยงให้ปลอดภัย

ความเป็นไปตามข่าวคือ น้องคนแรกท้องโตมากน่าจะมากกว่า 5 เดือนถึง 6 เดือน ปกปิดเพื่อน บอกว่าตนเองอ้วน ไม่กล้าบอกพ่อแม่ แม้กระทั่งแฟน เธอเลือกซื้อยามาทำแท้งเองโดยไม่มีใครรู้ ไม่มีใครอยู่ด้วย อาจซื้อหาทางเน็ตออนไลน์ หรือแหล่งอื่น ๆ ที่ไม่ถูกกฎหมาย ซึ่งถือว่ามีวิธีแนะนำให้ใช้ยาไม่ได้คุณภาพมาตรฐานความปลอดภัย เพราะไม่สร้างความเข้าใจเรื่องความเสี่ยงมีอันตรายในเรื่องการตกเลือดจากรกค้าง การรู้ได้อย่างไรว่าตกเลือด มีอาการอะไร และจะให้ใครช่วยช่วงฉุกเฉิน และการไม่สามารถให้การดูแลติดตามตลอดช่วงวิกฤตได้ ปล่อยให้น้องเผชิญปัญหาตามยถากรรมจนเกิดเหตุสลด เห็นได้ตามข่าวที่ว่า “พบนอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่ภายในห้องน้ำ น่าจะเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 12-24 ชั่วโมง พบกองเลือดทั้งบนพื้นและชักโครก ศพทารกสะอาดไม่มีเลือด คาดว่าผู้ตายน่าจะคลอดลูกแล้วนำลูกไปล้างในกะละมัง”

มีความจริงทางการแพทย์ว่า การทำแท้งเร็วกว่าในอายุครรภ์น้อย ๆ จะปลอดภัย ดังนั้นการตัดสินใจล่าช้า หรือรู้ว่าท้องช้า ท้องตั้งแต่ 5 เดือน จะอันตรายรุนแรงเพิ่มขึ้น 5 เท่า ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้น 38% เมื่ออายุครรภ์เพิ่มขึ้นแต่ละ 1 สัปดาห์ และความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจะเพิ่มสูงถึง 87% เมื่อทำแท้งอายุครรภ์เกิน 2 เดือน

น้องคนที่สอง ทะเลาะกับแฟนบ่อย ขัดแย้งเรื่องท้องจนเธอมาเช่าห้องพักอยู่ตามลำพัง ฝ่ายชายไม่ต้องการเด็ก เธอยืนกรานไม่เอาเด็กออก ต่อจากนั้น ใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นสุข รู้สึกว่าตัวเองทำผิดต่อพ่อแม่ อยากขอโทษ อับอายขายหน้าที่ท้องในวัยเรียน คิดไม่ตกหาทางออกไม่ได้เรื่องท้อง ไหนจะไม่กล้าบอกพ่อแม่ กลัวท่านเสียใจ แต่ถ้าท้องต่อก็ไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไร ปัญหาที่โถมทับตัวเธอ คงสร้างความเครียดอย่างรุนแรง แต่ไม่ได้ระบายออกไม่ได้ปรึกษาหาทางออก จนสุดท้ายเลือกที่จะฆ่าตัวเอง

การให้คำแนะนำปรึกษาที่ดี ถ้าย้อนเวลาไปได้ ขอนำมุมมองของคุณอ้อยอัจฉรา ที่มีต่อน้อง 2 คนนี้มาเล่าสู่กัน
น้องคนแรกที่ยุติการตั้งครรภ์ : หากน้องโทรมาคุยกับสายด่วนท้องไม่พร้อม 1663 ทาง 1663 จะชวนน้องดูอุปสรรคที่ทำให้น้องไม่พร้อมและชวนหาทางออก รวมถึงให้ข้อมูลเรื่องแหล่งช่วยเหลือกรณีท้องต่อเพราะท้องโตมากแล้ว เช่น ยกเด็ก ฝากเลี้ยง และชวนดูทางเลือกที่น้องคิดว่าดีที่สุดสำหรับน้อง

แต่ถ้าคุยแล้ว ยังไงน้องก็เลือกยุติการตั้งครรภ์ด้วยยา เราจะชวนน้องวางแผนเรื่องความปลอดภัยให้ได้มากที่สุด โรงพยาบาลใกล้ที่สุดที่น้องจะไปถึงเร็วที่สุด หากเกิดกรณีฉุกเฉิน เพราะไม่รู้ว่ายาที่น้องใช้เป็นยาอะไร แต่สิ่งที่จะชวนน้องดูว่า คนที่น้องไว้ใจที่สุดเป็นใครที่อยู่ใกล้หากเกิดเหตุฉุกเฉิน เขาจะช่วยเราพาไปโรงพยาบาลหรือโทรหาเบอร์ 1669 เพื่อให้เขามาช่วยและส่งต่อโรงพยาบาล

และหากไปโรงพยาบาล สิ่งที่น้องกังวลคืออะไร แนวทางจะคุยกับโรงพยาบาลเพื่อลดอคติของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล กรณีนี้น้องไม่สามารถบอกใครได้ และเลือกวิธีที่ไม่ปลอดภัย หากน้องมีคนที่คุยด้วยและชวนกันหาทางออก อาจจะไม่เกิดการสูญเสียอย่างเช่นกรณีนี้

น้องคนที่สอง : ต้องชวนน้องดูว่าปัญหาที่น้องรู้สึกหนักที่สุด ณ. ตอนนี้คือเรื่องอะไร ชวนน้องหาทางออก เพราะในกรณีนี้ อาจจะมีความกดดันหลาย ๆ ด้าน น้องอาจจะรู้สึกทุกทางไม่มีทางออก ดังนั้นการรับฟัง การอยู่เคียงข้างและเข้าใจ จะช่วยลดแรงกดดันให้น้องได้ จากนั้นจึงชวนน้องประเมินเพื่อวางแผนหาทางออก ในเรื่องที่รู้สึกหนักใจ เช่น รู้สึกอาย หรือไม่อยากให้ใครรู้เรื่องการตั้งครรภ์ อาจดูว่าระบบบริการที่จะช่วยน้องได้มีอะไรบ้าง เช่น ดูว่าน้องอยากจะเรียนต่อ ดูว่าจะเริ่มคุยกับอาจารย์ที่น้องไว้ใจ วางแผนการเรียนระหว่างตั้งครรภ์ เพราะผู้รับบริการวัยรุ่นถึงแม้จะตั้งครรภ์ สถานศึกษาก็ต้องให้เรียนได้ ชวนดูการใช้ชีวิตในช่วงตั้งครรภ์จะทำอย่างไร จะคุยกับที่บ้านแบบไหน

ให้เขาเข้าใจ และลดผลกระทบ หากน้องตัดสินใจท้องต่อ วางแผนเรื่องลูกว่าจะเลี้ยงเอง หรือยกบุตร ในกรณีนี้น้องอายุ 20 ปี น้องสามารถเซ็นต์รับรองในเรื่องต่าง ๆ ได้ด้วยตนเองได้ เช่น การยกบุตร แต่สิ่งสำคัญที่สุดของการช่วยเหลือ คือ การรับฟังอย่างเข้าใจ ไม่ตัดสิน ไม่ตำหนิซ้ำเติม ทำให้น้องหรือผู้หญิงรู้ว่ากรณีท้องไม่พร้อม ยังมีทางออก และช่วยน้องหาทางออกบนวิถีชีวิตของน้องที่น้องสามารถทำได้จริง

เราอาจเป็นคนที่ช่วยให้ข้อมูล หรือประสานส่งต่อระบบช่วยเหลือผู้หญิงท้องไม่พร้อม เช่นบ้านพักเด็กและครอบครัวที่มีอยู่ในจังหวัด น้องคนนี้อาจจะหนักหน่อย เพราะไม่แน่ใจว่าน้องมีโรค หรือภาวะซึมเศร้าอยู่ด้วยหรือเปล่า เพราะถ้ามีภาวะดังกล่าว อาจต้องส่งต่อเพื่อรักษาเพิ่มเติม

การให้การปรึกษาอย่างเดียวอาจไม่พอ ความจริงที่จะช่วยเหลือลดความรุนแรง อันตราย บรรเทาปัญหาดังกล่าวจะมีผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หลายฝ่ายที่ต้องร่วมมือกัน จากมุมมองคุณชนานุช นักสังคมสงเคราะห์ โรงพยาบาลสกลนคร คือ ตัวผู้หญิงเอง ต้องตระหนักว่าการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ถือเป็นการใช้ความรุนแรงของคู่รักเพื่อให้เกิดทัศนคติที่จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาท้อง ไม่คุมกำเนิด กล้าเรียกร้องให้ฝ่ายชายรู้จักช่วยป้องกันท้อง
ขณะที่ต้องมีสติจะได้เกิดปัญญาเมื่อเกิดปัญหาท้อง

เจ้าของหอพัก อาจเข้าไปช่วยเหลือ เมื่อได้ยินเสียงร้อง ถ้าสังเกตว่าตัวอ้วนมากผิดปกติ ควรระวังไว้ ผู้ปกครอง ครอบครัว ต้องเสริมสร้างสัมพันธภาพเพื่อให้มีความรักใกล้ชิด เป็นที่พึ่ง มีความพร้อม ถ้าลูกต้องการความช่วยเหลือ ไม่ควรบอกว่าคาดหวังกับลูกมากจนยิ่งเพิ่มแรงกดดันไม่กล้าบอกปัญหากับใคร ผู้ขายยาทำแท้งทางออนไลน์หรือแหล่งขายยา ควรต้องมีควรรับผิดชอบต่อชีวิตของผู้หญิง และการสูญเสียลูก ความรันทดของพ่อแม่ ไม่คิดในแง่เพียงแค่อยากได้เงินมาก ๆ ไม่ใช่เพียงแต่คิดว่าจะช่วยทำแท้ง ทั้งที่ขาดความรู้ทักษะ และเพิ่มความเสี่ยงเสียชีวิตของผู้หญิง ถ้าเป็นอายุครรภ์ที่มากควรหลีกเลี่ยงและแนะนำให้พบแพทย์อาสา RSA สังคม ช่วยเปิดใจให้กว้าง ให้โอกาสให้ทางเลือกผู้หญิงท้องไม่พร้อมลดอคติ ไม่ตีตรา สื่อ ช่วยเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง ปรับทัศนคติ ลดค่านิยมเชิงลบ ไม่ตีตรา ไม่กล่าวหาว่าแม่ใจยักษ์ สนับสนุนให้ผู้หญิงรู้จักสายปรึกษาท้องไม่พร้อม 1663 เครือข่ายอาสา RSA ให้เลือกทางออกที่ดี หน่วยงานในระบบบริการสุขภาพ บุคลากรแพทย์ พยาบาล โรงพยาบาล สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เขตบริการสุขภาพ ควรยอมรับความจริงว่าจะลดการตายของการแท้งได้ ต้องมีและสร้างช่องทางให้ผู้หญิงเข้าถึงง่ายสำหรับการบริการปรึกษาทางเลือก การส่งต่อ และรับส่งต่อเพื่อการยุติการตั้งครรภ์ด้วยวิธีการและเทคโนโลยีที่ปลอดภัย

กฎหมายการยุติการตั้งครรภ์ที่กำลังดำเนินการปรับปรุงแก้ไข ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรยอมรับความจริงว่า ผู้หญิงท้องไม่พร้อมมีโอกาสเสียชีวิตได้ ยังมีผู้หญิงท้องไม่พร้อมที่พบว่ามีอายุครรภ์มากถึง 20-24 สัปดาห์ ในประเทศไทย ถ้ากฎหมายมีข้อจำกัดในเรื่องอายุครรภ์ที่จะยุติการตั้งครรภ์ ย่อมส่งผลให้ผู้หญิงไม่เข้าถึงการบริการตามกฎหมาย เท่ากับสร้างอุปสรรคอย่างใหญ่หลวง แล้วผลักดันให้ผู้หญิงท้องไม่พร้อมได้รับการช่วยเหลือล่าช้า อาจส่งผลให้ไปทำแท้งที่ไม่ปลอดภัยกับบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์

ช่องว่างในการเข้าถึงหน่วยบริการ ทั้ง สายปรึกษาท้องไม่พร้อม 1663 OSCC คลินิกวัยรุ่น สายปรึกษา 1300 เว็บไซต์ RSAthai.org เว็บไซต์ Lovecare station คลินิกสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย คลินิกสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน โรงพยาบาลในเครือข่ายอาสาส่งต่อ RSA ยังเข้าไม่ถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กในโรงเรียน นักศึกษา เยาวชนในสถานศึกษา ควรมีการพัฒนาให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางและเพิ่มการบริการครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย

พุทธศาสนาสอนไว้ว่า การทำความดี ไม่ต้องมีความพอเพียงต่างจากการมีวัตถุที่ควรพอเพียง การทำความดีจึงยิ่งทำมากยิ่งดี ความเมตตาเป็นเรื่องสากล อย่าลำเอียงเพราะชัง ขอให้สังคมทุกภาคส่วน มาร่วมกัน ช่วยกัน สร้างความปลอดภัย ไม่ให้ผู้หญิงไทยต้องเสียชีวิตจากการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย

ลุงหมอเรืองกิตติ์

เรื่องโดย นพ.เรืองกิตติ์ ศิริกาญจนกูล ผู้ประสานงานเครือข่ายอาสา RSA

ร่วมติดดาวให้เนื้อหาที่ท่านชื่นชอบ

คลิกที่ดาวเพื่อติดดาวให้เนื้อหานี้

จำนวนดาวเฉลี่ย 4.5 / 5. จากการติดดาวทั้งหมด 15

ยังไม่มีการติดดาวให้กับเนื้อหานี้... เป็นคนแรกติดดาวให้เนื้อหานี้