ถุงยางอนามัยเป็นวิธีคุมกำเนิดที่นิยมใช้ แต่หากถุงยางแตกหรือหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หลายคนมักเลือกใช้ ยาคุมฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ แต่ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพแค่ไหน และควรใช้ภายในเวลากี่ชั่วโมง บทความนี้มีคำตอบ
1. ถุงยางแตกเกิดจากอะไร
- ใช้ถุงยางผิดขนาด ทำให้แน่นเกินไปหรือหลวมเกินไป
- ไม่ได้เช็กวันหมดอายุของถุงยาง
- เปิดซองด้วยของมีคม ทำให้เกิดรอยฉีกขาด
- ใช้สารหล่อลื่นที่ไม่เหมาะสม เช่น น้ำมัน หรือวาสลีน ซึ่งทำให้เนื้อยางเสื่อมสภาพ
2. ถุงยางแตก ต้องทำอย่างไร
- หยุดมีเพศสัมพันธ์ทันที และอย่าพยายามใช้ถุงยางเดิมต่อ
- เช็กว่ามีส่วนของถุงยางตกค้างหรือไม่
- ล้างอวัยวะเพศด้วยน้ำสะอาด หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด
- ใช้ยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุด หากไม่ต้องการตั้งครรภ์
3. ยาคุมฉุกเฉินช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ไหม
ยาคุมฉุกเฉินสามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ แต่ ต้องใช้ให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์
- กินภายใน 24 ชั่วโมง ประสิทธิภาพสูงสุด ประมาณ 95%
- กินระหว่าง 24-48 ชั่วโมง ประสิทธิภาพลดลงเหลือ 85%
- กินระหว่าง 48-72 ชั่วโมง ประสิทธิภาพลดลงเหลือ 58%
4. วิธีใช้ยาคุมฉุกเฉินให้ถูกต้อง
- แบบที่ 1 กินทั้ง 2 เม็ด ทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือไม่เกิน 72 ชั่วโมง
- แบบที่ 2 กินเม็ดแรกทันที หรือไม่เกิน 72 ชั่วโมง และอีกเม็ดหลังทานเม็ดแรก 12 ชั่วโมง
- หากอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมงหลังจากกินยา ควรกินใหม่
5. ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่วิธีคุมกำเนิดหลัก
- ไม่ควรใช้แทนการคุมกำเนิดแบบประจำ เพราะอาจทำให้รอบเดือนมาไม่ปกติ
- ควรเลือกใช้ วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพกว่า เช่น ยาคุมรายเดือน ห่วงอนามัย หรือฝังยาคุม
ต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการป้องกันการตั้งครรภ์ ติดต่อเราได้ที่นี่ RSA Online : https://abortion.rsathai.org
Line Official : @rsathai , Inbox Facebook Page : rsathai
บริการให้คำปรึกษาออนไลน์ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00-19.00 น.