เมื่อวันที่ 17 มกราคม 59 มีข่าวโทรทัศน์
พบศพทารกที่มีสายสะดือติดอยู่ลอยมาตามสายน้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดสมุทรปราการ ผู้ประกาศข่าวพูดว่า จะมีการติดตามจับกุมแม่ใจร้ายคนนี้ ข่าวนี้ได้สะท้อนว่า ผู้หญิงที่ไม่พร้อมจะเลี้ยงลูกที่จะเกิดมา เมื่อไม่มีหน่วยงานช่วยเหลือ แก้ปัญหาไม่ได้ ก็ต้องคลอดและทำผิดกฎหมาย ซ้ำยังถูกประนามและตีตรา ส่วนผู้ชายที่มีส่วนทำให้ท้องและควรจะต้องร่วมรับผิดชอบกลับไม่มีการกล่าวถึง
ในอีกแง่หนึ่ง น่าจะเป็นด้านการเข้าไม่ถึงบริการทางการแพทย์ ตั้งแต่ปัญหายังพอจะแก้ได้ ปัญหาอาจมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนหลายอย่างก็ได้ หรือ เป็นเพราะขาดความรู้ในการดูแลเรื่องของความรัก ความผิดหวัง การเลิกร้างกัน การตั้งครรภ์ การไม่ได้เตรียมพร้อมกายและใจ
ข่าวในลักษณะนี้มีให้เห็นมากมาย เช่น เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีนักเรียนหญิงม.6 ผูกคอเสียชีวิตเพราะแฟนเลิกไป และ มีหนุ่มยิงตัวเองเสียชีวิตเหตุจากมีปัญหากันกับแฟนสาว ในส่วนของลุงหมอเองก็มีนะครับ หลายวันก่อนลุงหมอเจอชายหนุ่มบอกว่าเลิกกับแฟนที่คบกันมา 1 ปีแล้วมีแฟนใหม่ แต่หลังจากนั้นเพียง 3 เดือนก็เลิกรากันไปและคบแฟนใหม่อีกคน คบได้ 5 เดือนแล้วก็เลิกกันอีก… ก็เป็นปรากฏการณ์คบๆ เลิกๆ ที่เป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว แต่ที่สำคัญ หนุ่มคนนี้ได้ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับแฟนคนแรก 100% และ ไม่ได้ใช้ถุงยางเพียงครั้งเดียวกับแฟนคนที่สอง ยิ่งกว่านั้นเขาได้ตรวจเลือดเอชไอวีหลังจากเลิกกับแฟน 3 เดือนเป็นการปกป้องตนเอง เลิศไหมครับหลานๆ ผลการตรวจพบว่า ผลเลือดเป็นปกติ
ลุงหมอจะเล่าเรื่องที่ได้พบวัยรุ่นสาว 2 คน ทั้งคู่มาปรึกษาเรื่องท้องไม่พร้อมเหมือนกัน แต่ที่ต่างกันจะเป็นอย่างไร ตามลุงหมอมานะครับ
คนแรก อายุ 18 ปีเรียนอยู่ ปวช 2 มากับเพื่อนวัยเดียวกัน 2 คน “อยากรู้ว่าท้องโตกี่เดือนแล้วค่ะ” เธอมีแฟนคบกันได้ 2-3 เดือนก็มีเพศสัมพันธ์กับแฟน เดือนหนึ่ง 2-3 ครั้ง เธอไม่ใช้ถุงยางเลย แฟนหลั่งภายนอกตลอด ประจำเดือนเธอมาไม่ค่อยตรง บางเดือนไม่มา ครั้งสุดท้ายมาวันที่ 29 กรกฏาคม 58 เธอขาดประจำเดือนหลายเดือนแต่ไม่ได้ตรวจอะไร คิดว่าเคยขาดอยู่แล้วคงไม่มีอะไร ลุงหมอถามอาการมีอะไรบ้างไหม เธอบอกว่าเดือนพฤศจิกายนเธอวิงเวียน บางครั้งอาเจียน ปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวันกลางคืน หน้าอกก็ใหญ่ขึ้นกินข้าวมากขึ้น เหนื่อย เพลีย ง่วงนอนตลอดเวลา แต่เธอก็ไม่มั่นใจว่าจะท้อง..
ซึ่งนี่แหละคืออาการของท้องนะ หลานๆ จำไว้ เดือนธันวาคมถามเพื่อน เพื่อนบอกให้ไปหาหมอแต่ เธอก็รีรอ ช่วงกลางมกราคมได้ถามเพื่อนและเป็นญาติกันด้วย ซึ่งก็ดูและจับท้องบอกว่าท้องโตนะ ญาติก็อาสาไปบอกแม่ให้เพราะเธอไม่กล้าบอก คุณพ่อเสียชีวิตไปนานแล้ว คุณแม่ถามว่าจะเอายังไงต่อ เธอว่าอยากเรียนต่อ คุณแม่จึงให้มาตรวจ ผลตรวจอัลตร้าซาวด์ทารกในครรภ์วัดศีรษะได้ 59 มม. กระดูกต้นขายาว 44 มม.เท่ากับอายุครรภ์เกือบ 25 สัปดาห์ เธอโทรศัพท์บอกแม่เรื่องนี้ทั้งคุณแม่และเธอขอให้ช่วยยุติการตั้งครรภ์
หลานๆคิดอย่างไรครับ สายเกินไป? ช่วยได้หรือไม่ได้?
อีกคน เป็นสาวอายุ 16 ปีครับ เรียนปวช 1 มากับคุณแม่คุณพ่อ “หนูมาปรึกษาเรื่องท้อง หนูไม่พร้อมค่ะ “เธอจำประจำเดือนครั้งสุดท้ายได้ว่าเป็นช่วง 29 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายนปีก่อน แต่เธอบอกว่าประจำเดือนจะเป็นต้นเดือน บางครั้งปลายเดือน บางเดือนไม่มา อย่างเดือนธันวาคมก็ไม่เป็น เธอก็ไม่คิดว่าจะท้องเพราะเคยขาด แต่มาเอะใจว่า เดือนมกราคมปีนี้ ประจำเดือนก็ไม่มาอีก ครั้งนี้เธอได้คิดและตรวจปัสสาวะเองวันที่ 15 มกราคม คราวนี้ผลคือ ท้อง! เธอจะทำอย่างไรต่อไป จะบอกแม่ไหม เธอพูดว่า “หนูคิดว่าต้องบอกแม่ให้เร็วที่สุด” เธอคิดว่า “ถึงแม่จะดุจะด่าแต่ก็ช่วยหนูได้.. ถ้าหนูคิดเองก็คิดไม่ออกว่าจะทำยังไง..หนูไม่ถามเพื่อนเพราะเขาคงช่วยอะไรไม่ได้”
แบบนี้คิดดีครับ การตรวจอัลตร้าซาวด์วัดถุงน้ำคร่ำกว้าง 9 มม. ไม่พบตัวอ่อนเท่ากับอายุครรภ์ 5 สัปดาห์ซึ่งถ้านับอายุครรภ์จากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายคือวันที่ 29 ตุลาคม ถึงวันที่ 15 มกราคมแล้วจะเท่ากับท้อง 11 สัปดาห์ แสดงถึงท้องเล็กกว่าประจำเดือนที่ขาด แบบนี้จะพบได้ในคนที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอวันตกไข่ไม่แน่นอนก็เป็นความโชคดีของเธอ ที่เธอพลาดต้องท้องเพราะแฟนใช้ถุงยางอนามัยแค่ 40% เท่านั้นใช้เฉพาะช่วงแรกๆ ไม่เคยกินยาคุมฉุกเฉิน เธอคิดว่าไม่น่าจะท้องง่ายเพราะปีที่แล้วก็มีแฟนอีกคนก็ใช้ยาคุมฉุกเฉินบ้าง ไม่ได้ป้องกันก็มีแล้วไม่เคยท้อง
คิดแบบนี้ลุงหมอมองว่าเสี่ยงสุดๆ นะครับ ขณะนี้ก็เลิกกับแฟนเพราะเขาติดเพื่อนมากไม่สนใจเธอ ช่วงคบกันเธอรักเขามากเพราะเขาเป็นคนซื่อ บอกอะไรก็ทำให้ เขารับเธอได้ทุกอย่าง คุยกับทอมกับใครก็ได้ ตอนนี้เธอไม่พร้อมต้องการเรียนต่อให้จบ คุณแม่ยิ่งไม่เห็นด้วยที่จะท้องและบอกผู้ชายไม่เรียนเกเรไม่เหมาะกับลูก แต่ลูกสาวก็เป็นคนดื้อรั้นชอบเถียงแม่ ไม่พูดความจริง ใช้เงินเปลืองให้เงินวันละพันบาทก็ไม่พอ ส่วนคุณพ่อเงียบยิ้มดูใจดีและเห็นด้วยกับลูกที่ต้องการเรียนต่อให้จบ
สรุปว่า…
วัยรุ่นคนแรกคิดช้ากว่า ตรวจรู้ช้ากว่า ท้องจึงโตมาก แก้ได้ยากและอันตรายหากคิดจะยุติการตั้งครรภ์ ส่วนคนหลังคิดได้เร็วกว่า จึงตรวจรู้เร็วกว่ามาก แก้ง่ายกว่าปลอดภัยกว่ามาก แต่ที่ลุงหมอดีใจคือ ทั้งสองไว้ใจแม่ และเปิดเผยปัญหากับแม่ แม่ก็ดีพึ่งได้ ทำให้สุดท้ายทั้งคู่ก็แก้ปัญหาได้ ลุงหมอก็ดีใจด้วย
ด้วยรักและห่วงใย
นพ.เรืองกิตติ์ ศิริกาญจนกูล ผู้ประสานงานเครือข่ายRSA
ที่มา : www.lovecarestation.com