เรื่องเล่าจากอาสา RSA ผู้ใช้นามปากกาว่า “สุดทาง”
ข่าวซากทารกโดนทิ้งแล้วหมาลากเอามาแทะ ถูกทิ้งในกะละมังหรือถังขยะ หลายคนคงรู้สึกสลดใจเสียใจ แน่นอนสิ่งแรกที่ข่าวมักประโคมพาดหัวข่าวคงไม่พ้นคำว่า “แม่ใจยักษ์” สิ่งที่แปลกคือคนที่ถูกกล่าวหาว่าใจร้ายเสมอคือ “ผู้หญิง” แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเหล่านี้มักไม่เคยอ้างอิงถึง “ผู้ชาย” ที่ทำให้ผู้หญิงเกิดการตั้งครรภ์ขึ้นมาเลย
สังคมไทยมักมองว่าการป้องกันการตั้งครรภ์เป็นภาระของผู้หญิง ทั้งๆ ที่เรามีเทคโนโลยีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ชายคือ ถุงยางอนามัย แต่วัยรุ่นหญิงที่พกถุงยางกลับถูกมองว่าสำส่อนทางเพศ มีหลายกรณีที่ผู้ชายก็หว่านล้อมว่าจะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เมื่อผู้หญิงท้องแล้วก็มักถูกทอดทิ้งให้เผชิญปัญหาเพียงลำพัง ผลกระทบจากการหาทางออกไม่ได้ เกิดความเครียด ซึมเศร้า โดยเฉพาะวัยรุ่นไม่สามารถบอกครอบครัวเพราะเกรงพ่อแม่จะผิดหวังเสียใจ บางรายคิดฆ่าตัวตาย หลุดจากระบบการศึกษา เสียอนาคต จำนวนมากไปทำแท้งที่ไม่ปลอดภัยซึ่งอาจอันตรายถึงแก่ชีวิต
เรา..ในฐานะที่เป็นสมาชิกเครือข่าย RSA คนหนึ่ง ที่มีโอกาสได้ประสานช่วยเหลือผู้หญิงที่มีปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้เข้าถึงระบบบริการสุขภาพที่ปลอดภัย ประสบการณ์ตรงนี้ทำให้เราได้เห็นผู้หญิงจำนวนมากที่เจอทางตันคิดจะฆ่าตัวตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ และพยายามหาทางออกด้วยวิธีการต่างๆ นานา
ตั้งแต่เดือนกันยายน ถึง กลางตุลาคม 2562 ประมาณเดือนครึ่ง เราได้ประสานช่วยเหลือผู้หญิงท้องไม่พร้อมจำนวน 17 คน มีวัยรุ่นนักเรียนอายุน้อยกว่า 20 ปี 1 คน และอีกคนเป็นนักเรียนนอกระบบ ที่เหลือเป็นวัยทำงานที่มีครอบครัว ส่วนใหญ่มีลูกมาแล้ว 2-3 คน แต่ในความไม่พร้อมคือปัญหาครอบครัว ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม สามีติดการพนัน ไม่มีอาชีพ ติดน้ำกระท่อมหรือติดสารเสพติดอื่นๆ มีความรุนแรงเกิดขึ้นในครอบครัว
ผู้หญิงเหล่านี้เข้ามาพูดคุยปรึกษากับเราด้วยสภาพบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ มีรอยช้ำบริเวณแขนให้เห็น มีความเศร้าโศกเสียใจ เล่าเรื่องให้เราฟังแล้วร้องไห้ไปด้วย เมื่อคุยลึกลงไปผู้หญิงบางคนก็ตั้งครรภ์ตั้งแต่เป็นนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 ด้วยความที่ต้องตัดสินใจตามผู้ใหญ่ คือต้องแต่งงานกันกับผู้ชายที่ตนเองตั้งครรภ์ด้วย หลังจากมีลูกด้วยกัน 2-3 คนปัญหายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ลูกที่คลอดออกมาแทบจะขาดโอกาสทางการศึกษา เด็กๆ ก็เติบโตมาท่ามกลางความรุนแรงหรือการทะเลาะวิวาทของพ่อแม่ หรือหลายรายก็พบว่าพ่อและแม่ก็แยกทางกันทิ้งลูกให้ผู้เป็นแม่ดูแลเพียงลำพัง
เราคิดว่า ผู้หญิงกลุ่มนี้นับว่าโชคดีอยู่บ้างที่ยังสามารถเข้าถึงระบบส่งต่อยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยในเครือข่ายอาสา RSA จากทีมแพทย์และสหวิชาชีพ เมื่อตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ก็สามารถใช้สิทธิในระบบอีเคลมของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้รับการปรึกษาทางเลือกโดยนักสังคมสงเคราะห์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือ จากสายด่วน 1663 และเข้าสู่ระบบที่มีแพทย์อาสา RSA ที่มีความใส่ใจต่อผู้รับบริการที่ให้บริการข้ามจังหวัดได้ นอกจากนี้ หลังรับบริการยุติการตั้งครรภ์ยังได้รับการคุมกำเนิดกึ่งถาวร
การติดตามหลังบริการ เราได้พบผู้หญิงคนเดียวกันที่มาหาเราในวันนั้นด้วยสภาพท้อแท้ ซึมเศร้าและคิดสั้น แต่ในวันนี้เธอมีใบหน้าที่คลายกังวล สดใส ทักทายเราและมีเสียงหัวเราะ เธอกล่าวคำขอบคุณเรา ทำให้เรารับรู้ได้ว่าเธอเข้มแข็งขึ้น และมีความหวังที่จะใช้ชีวิตในโลกนี้พร้อมกับการดูแลลูกน้อยให้ดีที่สุดต่อไป
ทีมงาน RSA ก็เป็นสิ่งที่เสริมพลังให้คนทำงานอย่างเรา ได้มีกำลังใจที่สามารถช่วยเหลือผู้รับบริการ มีระบบการติดตามต่อในรายที่ยังมีปัญหาสังคม เพื่อหาช่องทางให้การช่วยเหลือต่อไป ขอขอบคุณเครือข่ายอาสา RSA ที่ทำให้ระบบสุขภาพเข้าถึงได้โดยสะดวกปลอดภัย ขอบคุณแพทย์ RSA ที่แพทย์เป็นผู้อาสาด้วยใจ เราภาคภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในทีมสหวิชาชีพอาสา RSA