ฝากครรภ์เมื่อไหร่ดีที่สุด และต้องเตรียมตัวอย่างไร
ควรฝากครรภ์เมื่อไหร่ดีที่สุด
การฝากครรภ์ควรเริ่มต้นเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยแนะนำให้ฝากครรภ์ภายใน 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ เพื่อให้แพทย์สามารถติดตามพัฒนาการของทารกและสุขภาพของแม่ได้อย่างเหมาะสม
ทำไมต้องฝากครรภ์เร็ว
ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือภาวะทารกเจริญเติบโตผิดปกติ
ช่วยให้แม่ได้รับคำแนะนำด้านโภชนาการและวิตามินที่จำเป็น เช่น โฟลิก เพื่อป้องกันความผิดปกติของระบบประสาททารก
สามารถตรวจพบความผิดปกติทางพันธุกรรมของทารกได้ตั้งแต่ระยะแรก
วางแผนการดูแลสุขภาพได้ตั้งแต่เริ่มต้น
การเตรียมตัวก่อนฝากครรภ์
ก่อนเข้ารับการฝากครรภ์ ควรเตรียมข้อมูลต่อไปนี้
ประวัติสุขภาพส่วนตัว เช่น โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ และประวัติการตั้งครรภ์ครั้งก่อน
สังเกตอาการตั้งครรภ์ เช่น ประจำเดือนขาด คลื่นไส้ เหนื่อยง่าย
เลือกสถานพยาบาลที่มีบริการฝากครรภ์ เช่น โรงพยาบาลรัฐ คลินิกฝากครรภ์...
ยุติการตั้งครรภ์ด้วยยา VS การดูดสุญญากาศ ต่างกันอย่างไร
การยุติการตั้งครรภ์ด้วยยา (Medical Abortion)
การใช้ยาเป็นวิธีที่ปลอดภัยและได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) สำหรับอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ สามารถใช้ยาด้วยตัวเองที่บ้าน โดยได้รับคำแนะนำจากแพทย์ หากอายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ สามารถใช้ยายุติการตั้งครรภ์ได้ อาจมีการพักค้างที่สถานพยาบาล
กระบวนการ:
ใช้ ไมเฟพริสโตน (Mifepristone) เพื่อยับยั้งการทำงานของฮอร์โมน ทำให้ผนังมดลูกไม่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของตัวอ่อน
ใช้ ไมโซพรอสทอล (Misoprostol) ทำให้ปากมดลูกนิ่ม ทำให้มดลูกบีบตัวและขับเนื้อเยื่อออก คล้ายกับการทำแท้งตามธรรมชาติ
ข้อดี:
มีความเป็นส่วนตัว สามารถทำที่บ้านได้
มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อย
ข้อจำกัด:
มีเลือดออกคล้ายการมีประจำเดือนหลายวัน
อาจมีอาการปวดท้อง...
รู้จักและใช้ยาคุมแบบ 21 และ 28 เม็ดอย่างถูกต้อง
ยาคุมกำเนิด 21 เม็ด และ 28 เม็ด ต่างกันอย่างไร?
ยาคุมกำเนิดมี 2 ประเภทหลัก คือ ยาคุม 21 เม็ด และ ยาคุม 28 เม็ด ซึ่งมีหลักการทำงานคล้ายกัน แต่แตกต่างกันที่วิธีการใช้
ยาคุมแบบ 21 เม็ด → มี ฮอร์โมนทุกเม็ด...
จะเลี้ยงลูกคนเดียวได้อย่างไร หากไม่มีคนช่วยเหลือ
ปรับตัวและวางแผนชีวิตหลังคลอด
การเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวอาจเป็นเรื่องท้าทาย แต่การวางแผนที่ดีจะช่วยให้คุณรับมือกับสถานการณ์ได้ง่ายขึ้น เช่น การจัดสรรเวลา ดูแลสุขภาพ และเตรียมแผนการเงิน
ขอความช่วยเหลือจากแหล่งสนับสนุน
แม้ว่าคุณอาจไม่มีคู่หรือครอบครัวช่วยเหลือโดยตรง แต่ยังมีองค์กรหรือหน่วยงานที่สามารถให้คำแนะนำและช่วยเหลือ เช่น กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ศูนย์ประสานงานแม่เลี้ยงเดี่ยวและครอบครัว
บริหารการเงินให้มั่นคง
การมีลูกต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม การวางแผนการเงินล่วงหน้าจะช่วยลดความเครียด ควรตั้งงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายของลูกและหาทางเลือกที่ประหยัด เช่น การขอรับสิทธิประโยชน์จากรัฐ
ดูแลสุขภาพจิตของตัวเอง
การเลี้ยงลูกคนเดียวอาจทำให้รู้สึกเครียดและโดดเดี่ยว ควรหาเวลาพักผ่อน และมองหากลุ่มสนับสนุนที่ช่วยให้คุณไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
วางแผนอนาคตของลูก
ควรเตรียมแผนด้านการศึกษาของลูก และหาทางเลือกที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ เช่น การศึกษาฟรีหรือทุนการศึกษา
คุณสามารถเลี้ยงลูกคนเดียวได้ แต่คุณจะไม่โดดเดี่ยว
แม้จะเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่คุณสามารถสร้างเส้นทางของตัวเองได้โดยการวางแผน จัดการทรัพยากร และขอรับการสนับสนุนจากแหล่งช่วยเหลือที่มีอยู่ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ...
ใช้ถุงยางอย่างเดียวพอไหม? ป้องกันการตั้งครรภ์อย่างไรให้ได้ผลสูงสุด
ถุงยางอนามัยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีแค่ไหน?
ถุงยางอนามัยเป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง หากใช้ถูกต้องทุกครั้ง มีโอกาสป้องกันการตั้งครรภ์ได้ถึง 98% อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสผิดพลาด จากการใช้ผิดวิธี เช่น ถุงยางแตก หลุด หรือใช้งานผิดพลาด
ควรใช้วิธีอื่นร่วมด้วยหรือไม่?
การใช้ ถุงยางอนามัยร่วมกับวิธีคุมกำเนิดอื่น จะช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์ได้มากขึ้น เช่น
ถุงยางอนามัย + ยาคุมกำเนิดรายเดือน → ป้องกันได้สูงถึง 99%
ถุงยางอนามัย + ยาคุมฉุกเฉิน (เมื่อถุงยางแตกหรือหลุด) → ลดโอกาสตั้งครรภ์หากใช้ภายใน...
ทำไมใช้ถุงยางแล้วยังท้อง? มาดู 8 ข้อผิดพลาดยอดฮิต
1. ใช้ถุงยางอนามัยหมดอายุ หรือเก็บในที่ร้อน
ถุงยางอนามัยที่หมดอายุหรือเก็บในที่ที่มีอุณหภูมิสูง เช่น กระเป๋าสตางค์ หรือรถที่จอดกลางแดด อาจเสื่อมสภาพและขาดง่าย
2. ไม่บีบปลายถุงยางก่อนใส่
การบีบปลายถุงยางช่วยไล่อากาศและเว้นพื้นที่สำหรับอสุจิ หากไม่บีบ อาจทำให้ถุงยางแตกขณะมีเพศสัมพันธ์
3. ใส่ถุงยางช้าเกินไป หรือถอดเร็วเกินไป
การใส่ถุงยางหลังจากมีการสอดใส่แล้ว หรือถอดออกก่อนการหลั่ง สามารถทำให้อสุจิเข้าสู่ช่องคลอดและเพิ่มความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์
4. ใส่ถุงยางกลับด้านแล้วพลิกกลับมาใช้ใหม่
หากใส่ถุงยางผิดด้าน แล้วกลับด้านเพื่อใช้ต่อ อสุจิที่ติดอยู่ในถุงยางอาจเข้าสู่ช่องคลอด ทำให้เกิดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์
5. ใช้สารหล่อลื่นผิดประเภท
การใช้สารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เช่น วาสลีน หรือเบบี้ออยล์ อาจทำให้ถุงยางเสื่อมสภาพและขาดง่าย ควรใช้สารหล่อลื่นสูตรน้ำหรือซิลิโคนที่เหมาะสำหรับถุงยางอนามัย
6....
ขั้นตอนและการเตรียมตัวก่อนยุติการตั้งครรภ์
เข้าใจทางเลือกในการยุติการตั้งครรภ์
การยุติการตั้งครรภ์เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่สามารถทำได้อย่างปลอดภัย หากดำเนินการโดยแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ในประเทศไทย การยุติการตั้งครรภ์สามารถทำได้อย่างถูกกฎหมาย
ประเภทของการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย
การใช้ยา (Medical Abortion): อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ สามารถรับยาเพื่อยุติการตั้งครรภ์ที่บ้านภายใต้คำแนะนำของแพทย์ได้ หากอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ ต้องพักค้างและยุติการตั้งครรภ์ที่สถานพยาบาล
การดูดสุญญากาศ (Manual Vacuum Aspiration - MVA): ต้องทำโดยแพทย์ในสถานพยาบาลเท่านั้น อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ และได้ถึง...
ใช้ถุงยางอย่างไรให้ได้ผล
ถุงยางอนามัยช่วยป้องกันอะไรได้บ้าง
ถุงยางอนามัยเป็นวิธีคุมกำเนิดที่ได้รับความนิยม เพราะใช้งานง่ายและสามารถป้องกันได้ทั้ง การตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากใช้อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ มีประสิทธิภาพสูงถึง 98%
วิธีใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง
การใช้ถุงยางที่ผิดวิธี อาจลดประสิทธิภาพของการป้องกัน ดังนั้น ควรปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้
ก่อนซื้อ ตรวจสอบวันหมดอายุ
วิธีใช้ ฉีกซอง>>บีบปลายถุงยาง>>สวมถุงยางขณะอวัยวะแข็งตัว
ถอดออกหลังเสร็จกิจ
ใช้ถุงยางเพียงครั้งเดียว ห้ามใช้ซ้ำ
เคล็ดลับการใช้ถุงยางให้ได้ผลสูงสุด
ใช้ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ตั้งแต่เริ่มจนเสร็จ
เลือกขนาดถุงยางให้พอดี ถุงยางที่เล็กหรือใหญ่เกินไปอาจขาดหรือหลุดได้
เก็บถุงยางในที่เย็นและแห้ง หลีกเลี่ยงความร้อนหรือการกดทับที่อาจทำให้ฉีกขาด
ใช้สารหล่อลื่นสูตรน้ำเท่านั้น ห้ามใช้วาสลีนหรือเบบี้ออยล์ เพราะอาจทำให้ถุงยางขาดได้
ต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการคุมกำเนิด ติดต่อเราได้ที่นี่ RSA Online : https://abortion.rsathai.orgLine Official :...
สัญญาณที่บ่งบอกว่าอาจตั้งครรภ์ และควรตรวจเมื่อไหร่
อาการเริ่มต้นที่อาจบ่งบอกว่าตั้งครรภ์
การตั้งครรภ์อาจแสดงอาการตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งอาการเหล่านี้แตกต่างกันไปในแต่ละคน อาการที่พบบ่อย ได้แก่
ประจำเดือนขาดหาย หากรอบเดือนปกติ แต่ขาดหายไปเกิน 7 วัน ควรตรวจการตั้งครรภ์
คลื่นไส้และอาเจียน โดยเฉพาะในช่วงเช้า หรือที่เรียกว่า "แพ้ท้อง"
เจ็บเต้านมและขยายขนาด เนื่องจากฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
อ่อนเพลียและง่วงนอนผิดปกติ ร่างกายต้องใช้พลังงานมากขึ้นในช่วงแรกของการตั้งครรภ์
รู้สึกไวต่อกลิ่น กลิ่นบางอย่างอาจทำให้รู้สึกคลื่นไส้หรือเวียนหัว
ปัสสาวะบ่อยขึ้น ร่างกายเริ่มผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นให้ไตทำงานมากขึ้น
ควรตรวจการตั้งครรภ์เมื่อไหร่?
หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ตรวจหลังประจำเดือนขาด 7 วัน หรือหลังจากมีเพศสัมพันธ์ 14 วัน
หากใช้การคุมกำเนิด แต่สงสัยว่าท้อง เช่น...
ไขข้อสงสัย! “ความเชื่อ” เกี่ยวกับการคุมกำเนิด
1. “หลั่งนอกช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้”
เรื่องจริง: การหลั่งนอกไม่ใช่วิธีป้องกัน หากต้องการป้องกันการตั้งครรภ์ ควรใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น ถุงยางอนามัย ยาคุมกำเนิด หรือห่วงอนามัย
2. “นับวันปลอดภัยช่วยคุมกำเนิดได้แน่นอน”
เรื่องจริง: การนับวันปลอดภัยมีโอกาสพลาดสูง เพราะรอบเดือนของผู้หญิงอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามปัจจัยต่างๆ เช่น ความเครียด อาหาร และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ควรใช้วิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ เช่น ถุงยางอนามัย หรือยาคุมกำเนิด
3. “กินยาคุมกำเนิดนานๆ จะทำให้มีบุตรยาก”
เรื่องจริง: เมื่อหยุดกิน ร่างกายจะกลับมาเป็นปกติ...