ชีววิทยาและถุงยางอนามัย
นี่ก็เกือบจะ ๘ โมงเข้าไปแล้ว ผมยังคงนั่งเอื่อยเฉื่อยจิบกาแฟอยู่หน้าบ้าน ปล่อยให้ความเงียบมาบำบัดจิตใจที่ฟุ้งซ่านจากการเผลอไปฟังข่าวเช้าเข้าให้ ใครฆ่าใครด้วยวิธีใด ใครจะเป็นกลุ่มงูเก่ายุคใหม่ พวกเขาต้องมีสัตยาบันกันไหม และใครที่ต้องมาเสียชีวิตจากการที่มีคนเมาแล้วขับรถไปชนเขา ข่าวนี้เล่นเอาผมจิตตกเข้าไปอีก เผลอนึกไปว่า หากตัวเองต้องมาตายไปในตอนนี้พร้อมเมีย ลูกทั้ง ๒ คนจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ถึงจะมีเงินล้นฟ้า มันก็คงสู้การกอดจูบอย่างคนึงหาเฉกเช่นตอนมีลมหายใจมิได้แน่ๆ
นกอีแพรดลงมาหาของกินแถวพื้นหน้าบ้าน แผ่แพนหางกระดกและส่ายให้ดูพอน่าตบ มีกระรอกตัวหนึ่งมันวิ่งไต่อยู่บนต้นลั่นทม ชะรอยจะมากินเศษมะพร้าวอ่อนที่ผมหั่นฝาเปิดเอาไว้และเตรียมพาไปทิ้ง นกพิราบที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับผมในช่วงนี้ มันครางอย่างได้อารมณ์อยู่บนหลังคาบ้าน
สรรพสิ่งรอบกายมันชวนให้การนั่งจิบกาแฟนั้นน่าอภิรมย์
ในช่วงเวลาเช้า อากาศมันเย็นกว่าช่วงสายแน่ๆ แต่กระนั้นมันก็ยังคงรู้สึกอุ่นๆ...
ทำแท้งและการตายอย่างเดียวดาย
“อ้อมครับ พี่จะไปสิชล เธออยู่ชะอวดมั้ย พี่จะแวะกินข้าวที่นั่น” ผมส่งข้อความหาเจ้าถิ่น ผมเดินทางผ่านปากทางเข้าชะอวดมานานนับได้เกิน ๒๐ ปี ไม่ผ่านทางด้านทิศตะวันตกทางถนนสายหลักของภาคใต้ ก็ผ่านทางทิศตะวันออกเส้นที่เข้าทางบ่อล้อ สายนครศรีฯ-หัวไทร
ชะอวดเหมือนเมืองที่ถูกทิ้ง เพราะหากจะไปชะอวด มันต้องมีเหตุผล หรือมีจุดประสงค์ เราจึงจะตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไป วันนี้เป็นวันดี วันที่ผมต้องเดินทางไปสิชลคนเดียว เวลาเป็นของผม ดังนั้น ชะอวดจึงเป็นหมุดหมายระหว่างทางสักที
“นู๋อยู่ตรังค่ะพี่” เออ อันนี้อ้อมตัวจริง “นู๋” แบบนี้...
พ่อสอนลูกสาว
วันนี้ขับรถออกจากบ้านเพื่อไปกินอาหารมื้อเช้าตามปกติ และในช่วงวันอาทิตย์เช้าๆ แบบนี้ ได้เปิดเพลงฟังจากสถานีวิทยุที่คุ้นเคย สถานีนี้จะเปิดเพลงฝรั่งเก่าๆ สมัยที่ผมเป็นหนุ่ม ยาวตลอดไปจนถึงเที่ยง ฟังแล้วฟินเสียทุกทีไม่มีโฆษณาคั่น
“Pretty boy” เพลงฝรั่งของสองสาว M2M เปิดมาพาให้หัวใจชุ่มชื่น ปกติผมไม่ได้คลั่งไคล้เพลงสากลไปมากมายนักหรอก ผมน่ะ สายพี่ป้อมพี่โต๊ะ ไมโคร นูโว ต่างหาก แต่ที่มาติดใจเพลงนี้ก็เพราะช่วงหนึ่งของชีวิตคนเป็นพ่อ คือการที่ต้องกระเตงลูกพาดบ่าแล้วกล่อมให้มันนอน
ผมจำได้ว่า เมื่อตอนที่พี่แป้งอยู่ในมดลูกแม่มันนั้น ผมแทบจะคุยเล่นกับลูกอยู่ทุกคืน ลูบพุงเมียไป คุยกับลูกสาวไป...
ทำแท้ง และซุปร้านเจ๊ ภาค ๓
เมื่อวานครับ... “แม่รู้สึกไม่ค่อยสบายเลยพ่อ ทำข้าวเย็นไม่ไหว และไม่อยากขับรถออกไปกินนอกบ้าน” เสียงคนสำคัญบ่นให้ฟัง ผมอังมือไปที่แขนและหน้าผากเธอ ก็เย็นเฉียบ ออใช่ เมียเพิ่งขับรถเข้ามา งั้นก็เอามือล้วงไปยังหลังเสื้อ สอดมือเข้าไปตามแผ่นหลัง กะจะปลดตะขอยกทรงก็กลัวถูกด่า
“ก็ไม่ร้อนนะแม่” ผมทำตัวเป็นปรอทวัดไข้ “เอางี้ บอกลูกสาวว่าป่วย ให้ทั้งคู่จัดการอาหารให้แม่ไปเลยนะ” ผมเสนอ เมียจ้องหน้า เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง “ไม่ต้องงง บอกลูก ว่าแม่ป่วย” ผมตัดบท แล้วขับรถออกไปคลินิก
วันนี้แปลก...
ซุปร้านเจ๊ ภาค ๒
แล้วผมก็พ่ายแพ้ต่อความต้องการของตัวเองอีกหนเมื่อเดินผ่านหน้าหม้อนึ่งซุปของร้านเจ๊จริงสิ ยังคงเหลือซุปมะระตุ๋นอีกอย่างหนึ่งสินะที่ยังไม่ได้กิน
“เจ๊ครับ ซุปมะระกินได้ยังล่ะวันนี้” ผมนึกถึงข้าวสวยร้อนๆ ข้าวขาวขัดสีขัดรำออกเสียจนแทบจะเหลือเพียงแป้งขาวๆ ไร้วิตามิน แต่จะไปแคร์ทำไมล่ะ ในเมื่อผมต้องการเพียงแค่การกินข้าวแกล้มซุปมะระเท่านั้นเองไม่ใช่หรือ ในยามนี้ คงไม่เรียกหาข้าวกล้อง ข้าวหอมนิล หรือกระทั่งสังข์หยดเมืองพัทลุง ให้มันเสียจริต
“กินได้แล้วหมอ อันที่จริงถ้ารออีกนิดก็ดี แต่ถ้าลื้อหิวมาก อั๊วจะเอาออกมาต้มให้ก่อน” แกคงเห็นผมอยากกินอยู่หลายวันแล้ว“หมอรู้มั้ย ซุปแบบนี้ ถ้าเราตุ๋น เนื้อหมูมันจะนุ่ม แต่ถ้าเราต้ม เนื้อหมูมันจะแข็ง” เจ๊แกขยับตัวลงมานั่งเก้าอี้คุยกับผม วันนี้ผมกินตั้งแต่...
non-technical skill ภาค ๒ กับการฟังเรื่องความรัก
วิ่งสิครับวิ่ง หากคิดอะไรไม่ออกก็ขอให้ออกไปวิ่ง เมื่อวานในช่วงที่ฝึกเป็นครูสำหรับเตรียมพร้อมเรื่องการสอนที่ไม่ใช่เรื่องวิชาการแพทย์จ๋าๆจากครูนักบินนั้น ผมติดใจเรื่อง “การตั้งคำถาม”
ถามเพื่อให้ผู้เรียนคิด คำตอบที่ได้มาก็ต่อยอดคำถาม ถามเพื่อตะล่อมให้ได้คำตอบซึ่งจะได้ตรงกับจุดประสงค์ของการเรียนรู้ก่อน เลิกจากการเรียนนั้น ครูก็แพล็มออกมาว่า ในวันนี้จะต้องมีช่วงของการฝึกวางแผนการสอน โดยต้องเขียนเป้าหมายและจุดประสงค์ให้ชัดเจน
ชัดเจนยังไงเหรอ มันต้องเฉพาะเจาะจง วัดผลได้จริง ทำได้จริงๆ เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ต้องการทำจริงๆ และเหมาะสมกับเวลา เอาเหอะ อย่าได้ใส่ใจตอนนี้ เพราะผมเองก็คงยังไม่เก่งพอที่จะสรุปออกมาเป็นคำสวยๆ หรือทำให้เป็นเรื่องง่ายๆ ที่สำคัญ ผมยังคิดไม่ออกด้วยซ้ำ ว่าจะทำเรื่องอะไรดี...
เจ๊อยากตรวจภายใน และซุป ภาค ๑
“คุณหมอ อ๊วะขอทำใจอีกนิดนึงนะ แล้วค่อยไปตรวจ” ผมแทบจะถูกลวกลิ้นด้วยความร้อนของซุปตุ๋นกระดูกหมูกับเห็ดเยื่อไผ่ เงยหน้าขึ้นไปหาตามเสียง ก็เห็นเจ๊แกมองมาทางผม เสียงเจ๊ตะโกนมาจากหน้าเตาและกะทะร้อนๆอันนั้น
คนในร้านคงได้ยินเสียงไปพร้อมกับผม“เจ๊จะตรวจนี้เหรอ” ผมทำท่าขยำนมตัวเองทั้ง ๒ ข้าง และทำปากพูดแบบไร้เสียง“ไม่ อั๊วะจะตรวจมะเร็งปากมดลูก” แกยังคงตะโกนเสียงดังผมอาย เพราะอุตส่าห์ปลอมตัวมาเป็นชาวบ้านนั่งซดน้ำซุปเห็ดเยื่อไผ่ร้อนๆและตักข้าวสวยเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เมล็ดเก๋ากี้ออกรสเปรี้ยวนิดๆ เนื้อเห็ดเยื่อไผ่นุ่มกำลังพอดี อันที่จริงผมตั้งใจจะมากินซุปมะระ แต่เจ๊แกบอกว่ามันยังไม่เปื่อย ไม่ให้กิน เดี๋ยวเสียชื่อแกหมด
“อั๊วะกลัวเป็นมะเร็ง คุณหมอรู้จักคนนั้นมั้ย” เจ๊แกถามถึงคนคนหนึ่งที่แกคาดว่าผมคงรู้จัก“อีแกเป็นมะเร็งเต้านม ยังสาวอยู่เลย ไม่มีสามีด้วย”...
ทำแท้งในวัยรุ่น
ผมเดินเข้าไปในร้านค้าของโครงการหลวงในสนามบินดอนเมือง
ในใจนึกอยากจะหาซื้ออะโดกาโว่
เอ๊ะ อะโดกาโด้เอ๊ะ อะโกดาโว่เอ๊ะ อะโวกาโด้เออ....ไอบ้า ไม่มีแฮะ..
ผมหยิบสตรอเบอร์รี่มา ๒ กล่อง จากนั้นก็เดินวนไปวนมา ได้กาแฟโครงการหลวงมาซองหนึ่ง รู้สึกคิดถึงมัน เมื่อก่อนจะมีกาแฟแบบนี้ติดบ้านตลอดเพราะเดินทางบ่อย ช่วงหลังแม้นเดินทางบ้างแต่ก็ไม่ได้เหลียวมอง เพราะว่ามันออกจะเข้มไปสักนิด ขมติดลิ้นทนนาน
ผมสะดุดที่ตู้แช่ผัก หยิบไชเท้ามา ๒ หัว กลับบ้านคืนนี้จะปั่นกินสดๆ อยากจะดีท็อกซ์สักหน่อย กรุงเทพฯ มันพิษเยอะ ผมนึกถามตัวเอง มันช่วยดีท็อกซ์ใจได้ไหมวะ.................
Sex symposium...
การบาดเจ็บการตายจากการทำแท้งเถื่อนยังมีอยู่จริง
Sex symposium มันมีชื่อไทยว่า “การประชุมระดับชาติ สุขภาวะทางเพศ ครั้งที่ ๓ การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น จากยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัติที่ยั่งยืน” จะยาวไปไหนวะ มันถูกจัดขึ้นมาโดย สสส. และหน่วยงานใหญ่ๆร่วมด้วยอีกหลายหน่วยงาน เค้าเชิญผมมาร่วมในการบรรยายในหัวเรื่อง “มุมมองของแพทย์ต่อการทำแท้งที่ปลอดภัย”
“ชื่อเชยจังครับอาจารย์” ผมบอกกับอาจารย์ที่เคารพรักในฐานะที่ท่านจะเป็นผู้ดำเนินรายการในช่วงผม ท่านเคยเป็นประธานราชวิทยาลัยสูติฯ ของผมเอง ท่านบอกว่า กลัวคนไม่เข้าฟัง
“ก็เล่นตั้งขื่อเสียแบบนี้” ผมยังไม่เลิก“แล้วแป๊ะจะตั้งขื่อว่าอย่างไร” เลยถูกท่านย้อนกลับ“หมอ ช่วยหนูด้วย หนูท้อง” ผมเสนอ
ห้องของผม...
“ท้องต่อไม่ได้ ควรทำแท้ง” โรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง
การตั้งท้องประเภทหนึ่งที่พวกผมพยายามอธิบายให้พวกเขาทั้งคู่ทราบว่า “ท้องต่อไม่ได้ ควรทำแท้ง” นั่นคือคู่สมรสที่มีลูกในท้องเป็นโรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง
เรื่องนี้อาจจะยากสักนิด แต่เชื่อไหม มันอยู่ในตัวพวกเรา
จริงๆ เพราะผมกำลังพูดถึง “ระบบเลือดและการขนส่งออกซิเจน”
ทันทีทันใดที่พวกเรามุดหัวออกมาจากจิ๋มของแม่แล้วแหกปากร้องแทบตายเพื่อที่จะหายใจเอาลมเข้าไปขยายปอดให้ได้นั้น กระบวนการแลกเปลี่ยนก๊าซของร่างกายก็เริ่มต้นขึ้นทันที
อากาศถูกเราหายใจเข้าไปในปอด เข้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุดซึ่งเป็นระบบหลอดเลือดฝอย ก๊าซออกซิเจนจะถูกดึงเข้าไปในหลอดเลือด โดยมีตัวมาจับคือฮีโมโกลบินบนผิวเม็ดเลือดแดง จากนั้นก็ถูกลำเลียงไปส่งยังส่วนอื่นๆของร่างกายต่อไปด้วยแรงปั๊มของหัวใจนั่นเอง
ประเด็นของเรื่องที่กำลังจะเล่าก็คือ ฮีโมโกลบิน และความผิดปกติของฮีโมโกลบินบินนี้นี่เอง เราเรียกมันว่า “ธาลัสซีเมีย”
เจ้าฮีโมโกลบินถูกกำหนดให้สร้างขึ้นมาด้วยพันธุกรรมของพ่อและแม่อย่างละครึ่ง คราวนี้ หากใครคนใดคนหนึ่งเกิดเป็นพาหะของความผิดปกติในการสร้างฮีโมโกลบิน ก็สามารถส่งพันธุกรรมนี้ไปให้ลูกด้วย และหากแจ๊กพ็อตจริงๆ ลูกเกิดได้รับพันธุกรรมของธาลัสซียเมียมาจากทั้งพ่อและแม่พร้อมกัน เขาก็จะเป็นโรคธาลัสซีเมียเต็มรูปแบบ
บางแบบอาจจะแค่ซีดเล็กน้อย เม็ดเลือดแดงผิดรูป...