ครั้งแรกที่ (ไม่) ป้องกัน คำถามและคำตอบของคนรักกัน
“วางลงครับ ไม่มีประโยชน์ที่จะมาคิดว่ามันคือเรื่องแย่ อย่างน้อยก็รักกันนี่นา” นี่คือประโยคสุดท้ายของผม ที่ส่งไปให้เธอ
หึหึ เชื่อสิ ว่าคนที่กำลังจะอ่านต่อนนั้น มีส่วนนึงแน่ๆ ที่คิดว่าผมกำลังมีเมียน้อย ส่วนนึงกำลังจินตนาการไปจนพริ้งเพริศตั้งแต่วรรคแรกจบลง และส่วนหนึ่งเลื่อนทิ้งไป ไม่อ่านต่อแล้ว
…
“ว่ามาครับ แต่ไม่รับปากว่าจะช่วยได้สักแค่ไหน” ผมตอบเธอไปหลังจากที่ได้อ่านข้อความที่ถูกส่งมาช่วง ๓ ทุ่ม
“พอดีมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกัน แล้วแฟนหลั่งข้างนอก แต่ไม่มั่นใจว่าเขาพูดจริงทั้งหมดไหม เลยซื้อยาคุมฉุกเฉินมากิน ในวันที่ 4 หลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ มีความเสี่ยงตั้งครรภ์ใช่ไหมคะ ระหว่างนี้ทำอะไรได้บ้างให้ความเสี่ยงลดลงคะ...
“..ทำแท้งคือการรักษา เป็นหมอก็ต้องรักษาคน..”
“คุณหมอที่อยู่ภาคใต้นั่น ดูเขาภูมิใจเสียนักหนา ว่าเป็นหมอทำแท้ง” มีเสียงกระซิบมาให้แอบได้ยินอย่างนั้น“ครับ ก็ทำแท้งคือการรักษาคนไงครับ เป็นหมอก็ต้องรักษาคน” ผมตอบกลับไป ทั้งๆ ที่ยังไม่แน่ใจนักว่าคุณหมอที่อยู่ภาคใต้คนนั้นจะใช่ผมในบทสนทนาหรือเปล่า “เขายังภูมิใจว่าได้เป็นวิทยากร” นั่นไง มันใกล้ผมเข้าไปอีก เพราะไอ้คนที่อยู่ภาคใต้และมักเป็นวิทยากรจะเหลืออยู่สักกี่คน เหมือนเล่นเกมโชว์ทายชื่อดาราทางทีวีเข้าไปทุกที“ครับ การป้องกันไม่ให้ผู้หญิงที่จะไปทำแท้งจริงๆ ถูกทำแท้งเถื่อนจนเกิดอันตรายต่อร่างกายและชีวิต มันก็น่าจะเป็นหน้าที่ที่สำคัญของหมออีกเช่นเดียวกัน และหนึ่งในนั้นคือการทำแท้งให้อย่างปลอดภัยและป้องกันการท้องใหม่ให้เรียบร้อย” ผมยังจำวงล้อของงานอนามัยการเจริญพันธ์ุที่ครูสอนได้ว่า การแท้งที่ปลอดภัยมันคือหนึ่งในงานของวงล้อนั้น และเรื่องแท้งนี่แหละ ที่ไม่ค่อยมีหมอคนไหนอยากเข้ามาข้องเกี่ยว“สวัสดีค่ะคุณหมอ”หนูได้อ่านที่คุณหมอเขียนเกี่ยวกับการทำแท้งนั้นหนูคือคนหนึ่งที่เกิดอุบัติเหตุนั้น ทุกวันนี้บาปติดในใจหนูเสมอในทุกวันเวลาเชื่อผมสิครับ ไม่มีใครมีความสุขใจในการทำแท้งเอาลูกตัวเองออกมาหรอกครับ...
ทำแท้งศาสตร์ และนักเรียนแพทย์ปี 5
“ผมถามหน่อยสิ ถ้าหากตอนนี้ เธอเกิดตั้งท้องขึ้นมา เธอจะรู้สึกยังไง” ผมถามนักเรียนแพทย์สาวสวยคนหนึ่งขณะที่นั่งเรียนอยู่ในห้อง ซึ่งแน่นอน ว่าผมกำลังเป็นคนสอน..... วันนี้สอนหนังสือวิชา “ทำแท้งศาสตร์” ให้นักเรียนแพทย์ปี ๕ ที่กำลังเรียนอยู่ในกองสูตินรีเวช อันที่จริงก็สอนอยู่ทั้งปีนั่นแหละ แต่กองนี้เป็นกองสุดท้ายแล้ว พวกเขากำลังจะได้ขึ้นเป็นนักเรียนแพทย์ชั้นปีที่ ๖ หรือ extern (ถ้าสอบทุกอย่างผ่าน) การสอนในรอบหน้าก็จะเป็นปี ๕ ที่เพิ่งขึ้นมาจากปี ๔...
ผู้ชายทอดทิ้ง เธอทุกข์ทรมาน ต้องรัดคาดท้องไม่ให้โตขึ้นมา
ผมมันเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น เรื่องนี้พ่อรู้ดี ด้วยเหตุนี้นึ่เองที่ทำให้พ่อไม่ค่อยจะเล่าเรื่องราวของความขัดแย้งของครอบครัวพี่น้องของพ่อให้ฟังถ้าไม่จำเป็น แต่ก็แปลก ที่ก่อนพ่อจะตายไปเพียงไม่นานนั้น พ่อกลับเล่าเรื่องราวมากมายให้ผมฟัง กระทั่งการฝากฝังให้ช่วยดูแลแม่ ประหนึ่งพ่อจะรู้ถึงวันสุดท้ายของตัวเองและก็เป็นไปตามคาด ผมรู้สึกได้ถึงความเจ็บแค้นและฝังใจเจ็บ..............................................................................................................“หมอแค่อยากจะบอกว่า ลักษณะของเซลล์มะเร็งที่เธอเป็นอยู่นั้นมันพบเป็นส่วนน้อย พบไม่บ่อยหรอก การรักษามันจึงไม่เหมือนคนอื่นๆ” ผู้หญิงที่ผมพูดคุยด้วยอยู่นั้นคือหญิงสาวที่มีแค่เกือบ ๔๐ ปี เธอกำลังต่อสู้อยู่กับโรคมะเร็งที่ปากมดลูกโดยการรับเคมีบำบัด อายุเธอยังน้อยเมื่อเทียบกับคนไข้คนอื่นๆที่เป็นโรคเดียวกับเธอ“หมอว่าหนูจะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่คะ” “ไม่รู้ว่ะ ขึ้นอยู่กับสวรรค์ หมอกำหนดไม่ได้” ผมยิ้มให้ สำหรับคนที่ถามออกมาแบบนี้ย่อมมีอะไรน่าสนใจ“แล้วเธอคิดว่ายังไงล่ะ”“หมอที่นู่นบอกว่าอย่างเก่งก็ปีครึ่ง” เธออ้างถึงหมอประจำโรงพยาบาลจังหวัดที่ส่งตัวเธอมารักษา“เอาอย่างนี้ ฉันจะเล่าให้ฟัง”...
คำถาม 5 ข้อ ที่ผมถามผู้หญิง…ผู้หญิงไม่ได้คิดเหมือนกันทุกคน
“นี่ถ้าหากสามีใหม่ของแม่ต้องการมีลูกกับแม่อีกคน แม่จะยอมไหม” เมื่อคำถามนี้หลุดปากออกไป หญิงสาวทั้งสามคนของผมต่างพร้อมใจกันหยุดตักข้าวเข้าปาก แล้วหันมามองหน้าผมอย่างพร้อมเพรียงพร้อมด้วยนัยตาที่ปะปน
“ไม่” เธอตอบ
“แล้วลูกล่ะ หากพ่อจะขอมีลูกกับเมียใหม่ของพ่ออีกคน ลูกจะว่ายังไง” ไม่ยังไงหรอกครับ ก็แค่ผมยังไม่ยอมหยุดถาม
นั่นเพราะทุกคำถามล้วนมีที่มา…
“ทำไมจึงอยากมีลูกอีกคนล่ะ” ผมถามผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่เธอมีอายุมากประมาณหนึ่ง และเธอมีลูกอยู่แล้ว ๓ คน
ถ้าผมถามคำถามนี้ออกมา ผมก็พอจะเดาคำตอบได้บ้างก. ลูกหลงข. ลูกสามคนเป็นผู้ชาย นี่อยากได้ลูกสาวค. ลูกสามคนเป็นผู้หญิง นี่อยากได้ลูกชายง. สามีใหม่อยากมีลูกด้วยจ. ตอบสี่ข้อบนก็พอ
“มีสามีใหม่ค่ะ” นั่นไง“แล้วลูกทั้งสามคนที่มีอยู่ล่ะ”...
เราไม่ได้อยากสนับสนุนให้มีคนมาทำแท้งเยอะๆ แต่เราอยากให้ช่วยหันมามองกันว่าจะช่วยเหลือคนที่ท้องไม่พร้อมได้อย่างไร
เรื่องเล่าจากห้องน้ำสาธารณะเรื่องที่สอง “โรงแรม”
อย่างที่บอกไปเมื่อวาน ว่าผมขึ้นมากรุงเทพฯ ครั้งนี้เพื่อประชุมเรื่องการจัดบริการทำแท้ง งานนี้ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งในถนนสุขุมวิท ผมได้ร่วมเป็นวิทยากรพูดเรื่องการใช้หลอดดูดสุญญากาศแทนเหล็กขูดแบบโบราณ เนื้อหาในการประชุมมันดีมาก เริ่มจากภาพรวมของการทำแท้ง อันตรายจากการทำแท้ง มุมมองของผู้ที่เจอคนมาขอทำแท้ง
อันหลังนี่น่าสนใจ เพราะบรรดาน้องๆ หมอและพยาบาลที่มาร่วมอบรมนั้น บางคนอาจจะยังรู้สึกกระอักกระอ่วน ผมสงสัยว่าพวกเขาอาจถูกขอให้มาเพราะพี่ๆ ไม่อยากมาก็เป็นได้
ในช่วงก่อนเที่ยงนั้นทีมผู้บรรยายได้นำแบบสอบถามขึ้นมาให้ทุกคนลองทำดู มันคือกรณีศึกษา ๗ ข้อ อยากลองทำดูไหมครับ ว่าอ่านแล้วรู้สึกว่าผู้หญิงทั้ง ๗ คนนั้นสมควรได้รับการทำแท้งให้ตามการร้องขอของเธอหรือไม่
๑. “หนู”...
ไม่มีทางเท่ากัน – ท้องไม่พร้อม
“เมฆบนฟ้าช่างน่ามอง” ไม่ใช่สิ ผมควรจะบอกว่า เมฆที่อยู่ต่ำลงไปนั้นช่างน่ามอง ไหนจะเมฆที่เรียงตัวเป็นแถวเหมือนเด็กประถมเข้าแถวหน้าเสาธง วันนี้แถบเพชรบุรีมีอย่างน้อยก็ ๒ แถว ครั้นพอเข้ากรุงเทพฯ ช่วงสายวันนี้ไม่มีเมฆ แต่ชั้นของบรรยากาศทำให้เห็นได้เลยว่า ฝุ่นพีเอ็ม ๒.๕ นั้น มันน่ากลัวขนาดไหน
ผมมากรุงเทพฯ เพื่อขึ้นเวทีพูดเรื่อง “ทำแท้ง” เนื่องในวันทำแท้งสากล มีเวลาให้พูดเพียง ๔๕ นาที ด้วยเนื้อหาที่เป็นแอปสแตร็กหน่อยๆ นั่นคือ “แท้งคือเรื่องของสุขภาพ”
เตรียมตัวนานเหมือนกันนะครับ...
หมอคะ…หนูกลัว
“มีอะไรไหมครับ พอดีผมจะรีบปิดร้าน เร่งด่วนมากไหม” ผมทักเธอออกไปเพราะว่าจะต้องรีบไปประชุมเตรียมจัดกิจกรรมให้กับแพทย์ประจำบ้านรุ่นใหม่ที่จะขึ้นเรียนและทำงานในเดือนกรกฎาคมนี้ “หนูจะมาปรึกษาหมอเรื่องท้องไม่พร้อมค่ะ” เธอคนที่ว่านี้ มายืนอยู่ที่เคาเตอร์หน้าห้องตรวจของผมอยู่ระยะหนึ่งแล้ว แต่เลือกที่จะไม่เข้าไปพบผมข้างในห้องตรวจ ซึ่งผมก็ไม่ทราบเหตุผลของเธอ “เอิ่ม..ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ พอดีต้องรีบปิดร้าน เพราะมีประชุมต่อ อีกอย่าง ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ทำแท้งแล้วนะครับ ถ้าหากจะถามว่าทำที่ไหน หมอจะแนะนำให้” ผมดูนาฬิกาซึ่งเวลานั้นคือทุ่มครึ่ง “แต่หมอคะ หนูไม่รู้จะตัดสินใจยังไง ว่าจะใช้วิธีไหนดีค่ะ” ได้ยินแบบนี้ ผมต้องหยุด นั่นแสดงว่าเธอคงได้ไปพบหมอจากที่ไหนมาสักแห่งแล้ว “แล้วเธอว่ายังไงล่ะ”...
โตขึ้นอยากเป็นอะไร บอกหมอหน่อยได้ไหม
“โตขึ้นอยากเป็นอะไร บอกหมอหน่อยได้ไหม”ผมถามน้องผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเข้ามาพบผมพร้อมกับแม่
“อยากเป็นผู้พิพากษาค่ะ” เธอตอบแล้วยิ้มให้ผมอย่างเขินๆ
“ทำไมล่ะ” บางที ไอ้คำถามประเภท “ทำไมล่ะ” ที่ถามออกไป อาจจะไม่ได้อยากรู้เหตุผลมากไปกว่าการต่อการสนทนา แต่สำหรับสาวน้อยคนนี้ ผมอยากรู้เหตุผลของความอยากเป็นผู้พิพากษาจริงๆของเธอ......................
โดยปกติ เวลามีใครสักคนเข้ามาหาผมด้วยเรื่องท้องไม่พร้อม ผมมักจะเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าทุกข์ใจ ส่วนใหญ่มาคนเดียว ไม่ก็มีใครสักคนที่เพื่อนพาเข้ามา และที่พบบ่อยๆ ก็คือ คนเป็นแม่พาลูกสาวเข้ามาเพื่อขอให้ช่วยทำแท้งให้
“ลูกจะต้องเรียนหนังสือค่ะหมอ” แบบนี้ได้ยินบ่อย“มันยังเด็กอยู่เลยนะหมอ” อันนี้ก็บ่อย“มันรับผิดชอบตัวเองยังไม่ได้เลย แล้วจะดูลูกได้ยังไงล่ะหมอ” อันนี้ก็ชินมาก
แต่คราวนี้ผมรู้สึกสนใจในแม่ลูกคู่นี้มาก
“หมอคะ ฉันตั้งท้องค่ะ มีพยาบาลแนะนำให้มาพบหมอ...
หัวใจวายตอนท้อง…โรคหัวใจกับการตั้งท้อง มันคือของแสลง เพราะการท้องจะทำให้หัวใจทำงานหนักมากขึ้น
เวลาเกือบจะตี ๒ แล้ว ผมเลือกที่จะเปิดกระจกรถแล้วขับลงมาจากอาคารจอดรถของโรงพยาบาลอย่างช้าๆ แสงส่องรายรอบมืดบ้าง สลัวบ้าง สว่างบ้างตามแสงไฟบนเสาส่องริมถนนภายในมหาวิทยาลัย บางอารมณ์ผมชอบแสงจากนีออนสีนวลขาว มันเป็นเหมือนแสงจากอดีต มองโคมไฟนีออนบนเสาไฟฟ้าทีไร มันมักจะพาผมหวนกลับไปยังตรอกข้างบ้านพักนายอำเภอที่บ้านเกิดเสียทุกครั้ง
ตรอกตันมีความลึกราวๆ ๓๐๐ เมตร ที่แยกตัวออกมาจากถนนใหญ่สายหลักของตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ลึกเข้าไปจนสุดทางคือเรือกสวนเก่าที่เป็นที่อยู่ของพ่อและพวกเรา ปากซอยคือบ้านโบราณที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ให้รกร้างมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งทึ่ ๒ บ้านร้างที่พาให้ผมมีจินตนาการเพริดแพร้วไปถึงผีบ้านผีเรือนที่อาศัยอยู่ ช่วงเวลาค่ำมืดดึกดื่น มันคือจุดต้นซอยที่ทำให้ผมได้ออกกำลังกายเสียทุกครั้ง “วิ่งป่าราบ” เพราะกลัวผีหลอก...