หมอครับ ผมเสร็จเร็ว หมอช่วยผมหน่อย…
“หมอครับ ผมเสร็จเร็ว หมอช่วยผมหน่อย” ยังไม่ทันจะได้หย่อนก้นลงนั่ง เจ้าหนุ่มน้อยคนนี้เขาก็บอกความร้อนใจให้ช่วยเหลือ
“ใจเย็นๆ หมอไม่ได้หนีไปไหน ปิดประตูแล้วก็นั่งลงก่อน ค่อยๆเล่ามา” ผมขำ
“มันหลั่งเร็วครับหมอ”
“เร็วแค่ไหนล่ะ” ผมบันทึกคำบ่นของเขาลงไปในประวัติว่า “premature ejaculation” แล้วเหลือบมองอายุของไอ้หนุ่มที่กำลังทุกข์ร้อน ออ..ยังไม่เบญเพส อีกหลายปีอยู่
“ไม่ถึงนาทีครับ บางทีชักเข้าชักออกไม่ถึง ๕ ครั้งก็เสร็จแล้ว” เออ..ก็นับว่าเร็ว ผมนึกในใจ แล้วหันไปหาน้องผู้หญิงที่เดินเข้ามาด้วยกัน เธอน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าหนุ่มคนนั้น หน้าตาเธอดูราบเรียบ ไม่ได้เรียกว่าสะสวย...
เรื่องเพศเล็กน้อยของวัยรุ่น
วันนี้ไปเยี่ยมคนไข้ที่ถูกผ่าท้องคลอดและตัดมดลูกไปเมื่อวันก่อนมา ลูกสาวเธอน่ารักน่าเอ็นดู เจ้าเปี๊ยกตัวนั้นมันกำลังถูกจับอาบน้ำในอ่างอาบน้ำเด็กของหอผู้ป่วย พี่พยาบาลกำลังสอนพ่อแม่ในการอาบน้ำเด็กอ่อน สอนไปวักน้ำไป ล้างหัว ล้างหน้า ล้างจิ๋มเด็ก
เสียงมันร้องไห้ดังลั่น โบราณว่าไว้ ปอดเด็กจะขยาย เด็กจะแข็งแรง ผมนึกในใจ...
ทำไมเราไม่อาบน้ำเด็กอ่อนพร้อมแม่วะ ทำไมไม่ใช้อ่างอาบน้ำของผู้ใหญ่ ให้แม่แก้ผ้าลงไปอาบกับลูกเลย อาบกันไป กอดคลอเคลียกันไป อยากจะรู้นัก ว่ามันจะแหกปากร้องอย่างที่เห็นในวอร์ดแบบเมื่อกี๊ไหม ดีไม่ดี มันอาจจะรู้สึกดีเหมือนได้อยู่ในมดลูกอยู่ก็ได้
น่าสนใจ...ผมเดินออกมาด้วยจิตใจแช่มชื่น เพราะจู่ๆ ก็นึกถึงลูกสาว ที่เมื่อครั้งมันยังตัวเล็กเป็นทารกแบบนี้อยู่นั้น ผมก็อาบน้ำให้ลูกทุกวัน...
เพศสัมพันธ์กันปีละครั้ง
“หมอรู้ไหม บางทีฉันก็ต้องถามตัวเอง ว่าเรากำลังข่มขืนสามีอยู่รึเปล่า” เธอเป็นคนเปิดประโยคนี้ออกมาก่อนที่ผมจะได้อธิบายว่าการตรวจภายในไปเมื่อครู่นั้นพบเจออะไรบ้าง
“หมอจำฉันได้ไหม ฉันเคยมาหาหมอเมื่อคราวก่อนเพื่อจะให้หมอทำรีแพร์ให้” เธอยังคงเรียกสติผมให้กลับมาสู่การสนทนา หลังจากที่เห็นผมทำท่าตะลึงจากบทสนทนาแรก
“จำได้สิ” ตอบว่าจำได้ เพราะเหลือบมองในประวัติเก่า ผมเขียนบันทึกการรักษาเอาไว้“ทำไมจะจำไม่ได้ เธอคือคนที่หมอบอกว่าจิ๋มปกติ จิ๋มของเธอหนีบได้แรงดี และท้ายที่สุดก็ไม่ยอมทำรีแพร์ให้” เธอยิ้มและพยักหน้า
“หมอยังพูดว่า หากจะให้จิ๋มเล็กกว่านี้ ก็เป็นรูตูดแล้ว” เธอแทบจะพูดประโยคนี้ขึ้นมาพร้อมผม
“ใช่ ผมก็ยังจำเรื่องราวนั้นได้” จะว่าไป ที่จำได้ก็เพราะในค่ำวันนั้น ผมได้เขียนเรื่องราวของเธอบันทึกเอาไว้ในรูปแบบเรื่องสั้นนั่นเอง ผมจำทุกเรื่องที่เขียนลงไปได้เสมอ และผมบอกเธอไปว่า “เมียไม่ใช่นางบำเรอ”
“ฉันไม่ได้จำจิ๋มของเธอเอาไว้หรอกนะ...
ชีววิทยาและถุงยางอนามัย
นี่ก็เกือบจะ ๘ โมงเข้าไปแล้ว ผมยังคงนั่งเอื่อยเฉื่อยจิบกาแฟอยู่หน้าบ้าน ปล่อยให้ความเงียบมาบำบัดจิตใจที่ฟุ้งซ่านจากการเผลอไปฟังข่าวเช้าเข้าให้ ใครฆ่าใครด้วยวิธีใด ใครจะเป็นกลุ่มงูเก่ายุคใหม่ พวกเขาต้องมีสัตยาบันกันไหม และใครที่ต้องมาเสียชีวิตจากการที่มีคนเมาแล้วขับรถไปชนเขา ข่าวนี้เล่นเอาผมจิตตกเข้าไปอีก เผลอนึกไปว่า หากตัวเองต้องมาตายไปในตอนนี้พร้อมเมีย ลูกทั้ง ๒ คนจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ถึงจะมีเงินล้นฟ้า มันก็คงสู้การกอดจูบอย่างคนึงหาเฉกเช่นตอนมีลมหายใจมิได้แน่ๆ
นกอีแพรดลงมาหาของกินแถวพื้นหน้าบ้าน แผ่แพนหางกระดกและส่ายให้ดูพอน่าตบ มีกระรอกตัวหนึ่งมันวิ่งไต่อยู่บนต้นลั่นทม ชะรอยจะมากินเศษมะพร้าวอ่อนที่ผมหั่นฝาเปิดเอาไว้และเตรียมพาไปทิ้ง นกพิราบที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับผมในช่วงนี้ มันครางอย่างได้อารมณ์อยู่บนหลังคาบ้าน
สรรพสิ่งรอบกายมันชวนให้การนั่งจิบกาแฟนั้นน่าอภิรมย์
ในช่วงเวลาเช้า อากาศมันเย็นกว่าช่วงสายแน่ๆ แต่กระนั้นมันก็ยังคงรู้สึกอุ่นๆ...
ทำแท้งและการตายอย่างเดียวดาย
“อ้อมครับ พี่จะไปสิชล เธออยู่ชะอวดมั้ย พี่จะแวะกินข้าวที่นั่น” ผมส่งข้อความหาเจ้าถิ่น ผมเดินทางผ่านปากทางเข้าชะอวดมานานนับได้เกิน ๒๐ ปี ไม่ผ่านทางด้านทิศตะวันตกทางถนนสายหลักของภาคใต้ ก็ผ่านทางทิศตะวันออกเส้นที่เข้าทางบ่อล้อ สายนครศรีฯ-หัวไทร
ชะอวดเหมือนเมืองที่ถูกทิ้ง เพราะหากจะไปชะอวด มันต้องมีเหตุผล หรือมีจุดประสงค์ เราจึงจะตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไป วันนี้เป็นวันดี วันที่ผมต้องเดินทางไปสิชลคนเดียว เวลาเป็นของผม ดังนั้น ชะอวดจึงเป็นหมุดหมายระหว่างทางสักที
“นู๋อยู่ตรังค่ะพี่” เออ อันนี้อ้อมตัวจริง “นู๋” แบบนี้...
พ่อสอนลูกสาว
วันนี้ขับรถออกจากบ้านเพื่อไปกินอาหารมื้อเช้าตามปกติ และในช่วงวันอาทิตย์เช้าๆ แบบนี้ ได้เปิดเพลงฟังจากสถานีวิทยุที่คุ้นเคย สถานีนี้จะเปิดเพลงฝรั่งเก่าๆ สมัยที่ผมเป็นหนุ่ม ยาวตลอดไปจนถึงเที่ยง ฟังแล้วฟินเสียทุกทีไม่มีโฆษณาคั่น
“Pretty boy” เพลงฝรั่งของสองสาว M2M เปิดมาพาให้หัวใจชุ่มชื่น ปกติผมไม่ได้คลั่งไคล้เพลงสากลไปมากมายนักหรอก ผมน่ะ สายพี่ป้อมพี่โต๊ะ ไมโคร นูโว ต่างหาก แต่ที่มาติดใจเพลงนี้ก็เพราะช่วงหนึ่งของชีวิตคนเป็นพ่อ คือการที่ต้องกระเตงลูกพาดบ่าแล้วกล่อมให้มันนอน
ผมจำได้ว่า เมื่อตอนที่พี่แป้งอยู่ในมดลูกแม่มันนั้น ผมแทบจะคุยเล่นกับลูกอยู่ทุกคืน ลูบพุงเมียไป คุยกับลูกสาวไป...
ทำแท้ง และซุปร้านเจ๊ ภาค ๓
เมื่อวานครับ... “แม่รู้สึกไม่ค่อยสบายเลยพ่อ ทำข้าวเย็นไม่ไหว และไม่อยากขับรถออกไปกินนอกบ้าน” เสียงคนสำคัญบ่นให้ฟัง ผมอังมือไปที่แขนและหน้าผากเธอ ก็เย็นเฉียบ ออใช่ เมียเพิ่งขับรถเข้ามา งั้นก็เอามือล้วงไปยังหลังเสื้อ สอดมือเข้าไปตามแผ่นหลัง กะจะปลดตะขอยกทรงก็กลัวถูกด่า
“ก็ไม่ร้อนนะแม่” ผมทำตัวเป็นปรอทวัดไข้ “เอางี้ บอกลูกสาวว่าป่วย ให้ทั้งคู่จัดการอาหารให้แม่ไปเลยนะ” ผมเสนอ เมียจ้องหน้า เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง “ไม่ต้องงง บอกลูก ว่าแม่ป่วย” ผมตัดบท แล้วขับรถออกไปคลินิก
วันนี้แปลก...
ซุปร้านเจ๊ ภาค ๒
แล้วผมก็พ่ายแพ้ต่อความต้องการของตัวเองอีกหนเมื่อเดินผ่านหน้าหม้อนึ่งซุปของร้านเจ๊จริงสิ ยังคงเหลือซุปมะระตุ๋นอีกอย่างหนึ่งสินะที่ยังไม่ได้กิน
“เจ๊ครับ ซุปมะระกินได้ยังล่ะวันนี้” ผมนึกถึงข้าวสวยร้อนๆ ข้าวขาวขัดสีขัดรำออกเสียจนแทบจะเหลือเพียงแป้งขาวๆ ไร้วิตามิน แต่จะไปแคร์ทำไมล่ะ ในเมื่อผมต้องการเพียงแค่การกินข้าวแกล้มซุปมะระเท่านั้นเองไม่ใช่หรือ ในยามนี้ คงไม่เรียกหาข้าวกล้อง ข้าวหอมนิล หรือกระทั่งสังข์หยดเมืองพัทลุง ให้มันเสียจริต
“กินได้แล้วหมอ อันที่จริงถ้ารออีกนิดก็ดี แต่ถ้าลื้อหิวมาก อั๊วจะเอาออกมาต้มให้ก่อน” แกคงเห็นผมอยากกินอยู่หลายวันแล้ว“หมอรู้มั้ย ซุปแบบนี้ ถ้าเราตุ๋น เนื้อหมูมันจะนุ่ม แต่ถ้าเราต้ม เนื้อหมูมันจะแข็ง” เจ๊แกขยับตัวลงมานั่งเก้าอี้คุยกับผม วันนี้ผมกินตั้งแต่...
non-technical skill ภาค ๒ กับการฟังเรื่องความรัก
วิ่งสิครับวิ่ง หากคิดอะไรไม่ออกก็ขอให้ออกไปวิ่ง เมื่อวานในช่วงที่ฝึกเป็นครูสำหรับเตรียมพร้อมเรื่องการสอนที่ไม่ใช่เรื่องวิชาการแพทย์จ๋าๆจากครูนักบินนั้น ผมติดใจเรื่อง “การตั้งคำถาม”
ถามเพื่อให้ผู้เรียนคิด คำตอบที่ได้มาก็ต่อยอดคำถาม ถามเพื่อตะล่อมให้ได้คำตอบซึ่งจะได้ตรงกับจุดประสงค์ของการเรียนรู้ก่อน เลิกจากการเรียนนั้น ครูก็แพล็มออกมาว่า ในวันนี้จะต้องมีช่วงของการฝึกวางแผนการสอน โดยต้องเขียนเป้าหมายและจุดประสงค์ให้ชัดเจน
ชัดเจนยังไงเหรอ มันต้องเฉพาะเจาะจง วัดผลได้จริง ทำได้จริงๆ เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ต้องการทำจริงๆ และเหมาะสมกับเวลา เอาเหอะ อย่าได้ใส่ใจตอนนี้ เพราะผมเองก็คงยังไม่เก่งพอที่จะสรุปออกมาเป็นคำสวยๆ หรือทำให้เป็นเรื่องง่ายๆ ที่สำคัญ ผมยังคิดไม่ออกด้วยซ้ำ ว่าจะทำเรื่องอะไรดี...
เจ๊อยากตรวจภายใน และซุป ภาค ๑
“คุณหมอ อ๊วะขอทำใจอีกนิดนึงนะ แล้วค่อยไปตรวจ” ผมแทบจะถูกลวกลิ้นด้วยความร้อนของซุปตุ๋นกระดูกหมูกับเห็ดเยื่อไผ่ เงยหน้าขึ้นไปหาตามเสียง ก็เห็นเจ๊แกมองมาทางผม เสียงเจ๊ตะโกนมาจากหน้าเตาและกะทะร้อนๆอันนั้น
คนในร้านคงได้ยินเสียงไปพร้อมกับผม“เจ๊จะตรวจนี้เหรอ” ผมทำท่าขยำนมตัวเองทั้ง ๒ ข้าง และทำปากพูดแบบไร้เสียง“ไม่ อั๊วะจะตรวจมะเร็งปากมดลูก” แกยังคงตะโกนเสียงดังผมอาย เพราะอุตส่าห์ปลอมตัวมาเป็นชาวบ้านนั่งซดน้ำซุปเห็ดเยื่อไผ่ร้อนๆและตักข้าวสวยเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เมล็ดเก๋ากี้ออกรสเปรี้ยวนิดๆ เนื้อเห็ดเยื่อไผ่นุ่มกำลังพอดี อันที่จริงผมตั้งใจจะมากินซุปมะระ แต่เจ๊แกบอกว่ามันยังไม่เปื่อย ไม่ให้กิน เดี๋ยวเสียชื่อแกหมด
“อั๊วะกลัวเป็นมะเร็ง คุณหมอรู้จักคนนั้นมั้ย” เจ๊แกถามถึงคนคนหนึ่งที่แกคาดว่าผมคงรู้จัก“อีแกเป็นมะเร็งเต้านม ยังสาวอยู่เลย ไม่มีสามีด้วย”...