สัญญาณที่บ่งบอกว่าอาจตั้งครรภ์ และควรตรวจเมื่อไหร่

สัญญาณที่บ่งบอกว่าอาจตั้งครรภ์ และควรตรวจเมื่อไหร่

อาการเริ่มต้นที่อาจบ่งบอกว่าตั้งครรภ์

การตั้งครรภ์อาจแสดงอาการตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งอาการเหล่านี้แตกต่างกันไปในแต่ละคน อาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ประจำเดือนขาดหาย หากรอบเดือนปกติ แต่ขาดหายไปเกิน 7 วัน ควรตรวจการตั้งครรภ์
  • คลื่นไส้และอาเจียน โดยเฉพาะในช่วงเช้า หรือที่เรียกว่า “แพ้ท้อง”
  • เจ็บเต้านมและขยายขนาด เนื่องจากฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
  • อ่อนเพลียและง่วงนอนผิดปกติ ร่างกายต้องใช้พลังงานมากขึ้นในช่วงแรกของการตั้งครรภ์
  • รู้สึกไวต่อกลิ่น กลิ่นบางอย่างอาจทำให้รู้สึกคลื่นไส้หรือเวียนหัว
  • ปัสสาวะบ่อยขึ้น ร่างกายเริ่มผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นให้ไตทำงานมากขึ้น

ควรตรวจการตั้งครรภ์เมื่อไหร่?

  • หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน  ตรวจหลังประจำเดือนขาด 7 วัน หรือหลังจากมีเพศสัมพันธ์ 14 วัน
  • หากใช้การคุมกำเนิด แต่สงสัยว่าท้อง เช่น ลืมกินยาคุม ใช้ถุงยางผิดวิธี หรือถุงยางขาด และประจำเดือนขาดหายไป ควรตรวจหลังขาดประจำเดือน 7 วัน

วิธีตรวจการตั้งครรภ์ที่แม่นยำ

  • ที่ตรวจครรภ์แบบปัสสาวะ ใช้ง่าย และสามารถตรวจได้ด้วยตัวเองที่บ้าน
  • การตรวจเลือด แม่นยำและรู้ผลไวกว่าการตรวจปัสสาวะ
  • อัลตราซาวด์ หากตรวจพบว่าตั้งครรภ์ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจอัลตราซาวด์และยืนยันอายุครรภ์

ถ้าตรวจแล้วขึ้นขีดเดียวจางๆ แปลว่าอะไร?

  • หากขีดเดียวชัดเจน หมายถึง ไม่ได้ตั้งครรภ์
  • หากขึ้น ขีดเดียวจางๆ อาจเกิดจากการตรวจเร็วเกินไป หรือระดับฮอร์โมน HCG ยังต่ำ ควรตรวจซ้ำอีกครั้งใน 2-3 วัน

ถ้าตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม ควรทำอย่างไร?

หากพบว่าตั้งครรภ์และยังไม่พร้อม ควรเริ่มต้นพูดคุยกับคนที่ไว้ใจได้ และขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาทางเลือกที่ปลอดภัย


ต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ ติดต่อเราได้ที่นี่ RSA Online : https://abortion.rsathai.org
Line Official : @rsathai , Inbox Facebook Page : rsathai
บริการให้คำปรึกษาออนไลน์ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00-19.00 น.

ไขข้อสงสัย! “ความเชื่อ” เกี่ยวกับการคุมกำเนิด

ไขข้อสงสัย! “ความเชื่อ” เกี่ยวกับการคุมกำเนิด

1. “หลั่งนอกช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้”

เรื่องจริง: การหลั่งนอกไม่ใช่วิธีป้องกัน หากต้องการป้องกันการตั้งครรภ์ ควรใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น ถุงยางอนามัย ยาคุมกำเนิด หรือห่วงอนามัย

2. “นับวันปลอดภัยช่วยคุมกำเนิดได้แน่นอน”

เรื่องจริง: การนับวันปลอดภัยมีโอกาสพลาดสูง เพราะรอบเดือนของผู้หญิงอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามปัจจัยต่างๆ เช่น ความเครียด อาหาร และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ควรใช้วิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ เช่น ถุงยางอนามัย หรือยาคุมกำเนิด

3. “กินยาคุมกำเนิดนานๆ จะทำให้มีบุตรยาก”

เรื่องจริง: เมื่อหยุดกิน ร่างกายจะกลับมาเป็นปกติ และสามารถตั้งครรภ์ได้ บางคนอาจมีภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลอยู่แล้ว ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติหลังหยุดกินยา แต่ไม่เกี่ยวกับการมีบุตรยาก

4. “ถุงยางอนามัยขาดง่ายและไม่มีประสิทธิภาพ”

เรื่องจริง: ถุงยางอนามัยมีประสิทธิภาพสูงถึง 98% หากใช้อย่างถูกต้อง และสามารถป้องกันทั้งการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้

5. “ยาคุมฉุกเฉินใช้แทนยาคุมรายเดือนได้”

เรื่องจริง: ยาคุมฉุกเฉินไม่ควรใช้เป็นประจำ เพราะมีฮอร์โมนในปริมาณสูงกว่ายาคุมปกติ และอาจทำให้รอบเดือนแปรปรวน ยาคุมฉุกเฉินควรใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เช่น ถุงยางอนามัยแตก หรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ควรรับประทานภายใน 72 ชั่วโมงเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด ยิ่งกินเร็วยิ่งประสิทธิภาพดี


ต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการคุมกำเนิด ติดต่อเราได้ที่นี่ RSA Online : https://abortion.rsathai.org
Line Official : @rsathai , Inbox Facebook Page : rsathai
บริการให้คำปรึกษาออนไลน์ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00-19.00 น.

ท้องไม่พร้อม ควรเริ่มต้นพูดคุยกับใคร

ท้องไม่พร้อม ควรเริ่มต้นพูดคุยกับใคร

ควรเริ่มต้นพูดคุยกับใครเมื่อตั้งครรภ์ไม่พร้อม?

เมื่อพบว่าตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม อาจเกิดความรู้สึกกลัว เครียด และไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร การพูดคุยกับคนที่ไว้ใจได้จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและมีแนวทางในการตัดสินใจที่ดีขึ้น

  • พูดคุยกับตัวเองก่อน
    • ให้เวลาตัวเองทำความเข้าใจกับสถานการณ์
    • สำรวจความรู้สึกและความต้องการของตนเอง
    • ลองพิจารณาหาทางเลือกที่เป็นไปได้ และส่งผลกระทบน้อยที่สุด
  • ปรึกษาคู่ของคุณ (หากเป็นไปได้)
    • หากมีความสัมพันธ์ที่ดี ควรเปิดใจพูดคุยถึงทางเลือกที่เหมาะสม
    • แชร์ความกังวลและตัดสินใจร่วมกัน

คนที่สามารถให้คำปรึกษาได้

  • ครอบครัวหรือเพื่อนสนิท
    • หากมีคนในครอบครัวหรือเพื่อนที่ไว้ใจได้ การพูดคุยจะช่วยให้คุณรู้สึกไม่โดดเดี่ยว
    • ขอความช่วยเหลือทางอารมณ์หรือคำแนะนำในการตัดสินใจ
  • องค์กรหรือหน่วยงานที่ให้คำปรึกษาเรื่องการตั้งครรภ์ไม่พร้อม
    • ศูนย์ให้คำปรึกษาสุขภาพทางเพศ เช่น RSA Online
    • โรงพยาบาลหรือคลินิกที่มีบริการปรึกษาสุขภาพทางเพศ
  • แพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์
    • แพทย์สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับทางเลือกที่ปลอดภัย ทั้งการฝากครรภ์และการยุติการตั้งครรภ์
    • ให้คำแนะนำด้านสุขภาพและแนวทางในการดูแลตัวเอง

หากไม่พร้อมพูดคุยกับใคร ควรทำอย่างไร?

หากยังไม่พร้อมที่จะบอกใครหรือรู้สึกกังวลเกี่ยวกับปฏิกิริยาของคนรอบข้าง การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญผ่านช่องทางออนไลน์ หรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือโดยไม่เปิดเผยตัวตน อาจเป็นทางเลือกที่ดี


ต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ติดต่อเราได้ที่นี่ RSA Online : https://abortion.rsathai.org
Line Official : @rsathai , Inbox Facebook Page : rsathai
บริการให้คำปรึกษาออนไลน์ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00-19.00 น.

การยุติการตั้งครรภ์คืออะไร และทำได้อย่างไรในประเทศไทย

การยุติการตั้งครรภ์คืออะไร และทำได้อย่างไรในประเทศไทย

การยุติการตั้งครรภ์คืออะไร?

การยุติการตั้งครรภ์ (Abortion) เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่ช่วยให้ผู้ที่ตั้งครรภ์สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย โดยมีทั้งวิธีใช้ยาและการดูดสุญญากาศ ซึ่งต้องดำเนินการภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้รับบริการได้รับการดูแลที่ปลอดภัยและเหมาะสม

การยุติการตั้งครรภ์ในประเทศไทยทำได้ถึงกี่สัปดาห์?

ตามกฎหมายไทย ผู้หญิงสามารถยุติการตั้งครรภ์ได้ภายใต้เงื่อนไขดังนี้

  • อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์: สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้โดยไม่มีเงื่อนไข
  • อายุครรภ์ 12-20 สัปดาห์: สามารถทำได้ โดยต้องเข้ารับบริการปรึกษาทางเลือก
  • ทุกอายุครรภ์: สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้หาก ผู้ตั้งครรภ์อายุต่ำกว่า 15 ปี  มีความเสี่ยงต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและสุขภาพจิตของผู้ตั้งครรภ์ ตัวอ่อนมีความผิดปกติรุนแรง หรือเกิดจากการล่วงละเมินทางเพศ โดยไม่ต้องแจ้งความ

วิธีการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย

  1. การใช้ยา (Medical Abortion)
    • อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ สามารถขอรับยาเพื่อยุติการตั้งครรภ์ที่บ้านได้
    • อายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ ใช้วิธีนี้ได้แต่ต้องยุติการตั้งครรภ์ที่สถานพยาบาล
    • ใช้ยาไมเฟพริสโตน (Mifepristone) ร่วมกับไมโซพรอสทอล (Misoprostol)
    • กระบวนการนี้คล้ายการแท้งตามธรรมชาติและต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
  2. การดูดสุญญากาศ (Manual Vacuum Aspiration – MVA)
    • เหมาะสำหรับอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ และได้ถึง 16 สัปดาห์ หากทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ
    • เป็นวิธีที่ปลอดภัยและใช้ระยะเวลาสั้น

อันตรายจากการยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่ปลอดภัย

  • การใช้ยาขับเลือดจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
  • การทำแท้งเถื่อนโดยผู้ที่ไม่มีความรู้ทางการแพทย์
  • อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ตกเลือด ติดเชื้อ หรือเป็นอันตรายถึงชีวิต

ต้องการยุติการตั้งครรภ์ ควรทำอย่างไร?

หากคุณกำลังเผชิญกับการตั้งครรภ์ไม่พร้อมและต้องการขอคำปรึกษาเกี่ยวกับทางเลือกที่ปลอดภัย สามารถติดต่อขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญได้ที่ RSA Online หรือสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาต


ต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ ติดต่อเราได้ที่นี่ RSA Online : https://abortion.rsathai.org
Line Official : @rsathai , Inbox Facebook Page : rsathai
บริการให้คำปรึกษาออนไลน์ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00-19.00 น.

ฝากครรภ์เมื่อไหร่ดีที่สุด และต้องเตรียมตัวอย่างไร

ควรฝากครรภ์เมื่อไหร่ดีที่สุด

การฝากครรภ์ควรเริ่มต้นเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยแนะนำให้ฝากครรภ์ภายใน 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ เพื่อให้แพทย์สามารถติดตามพัฒนาการของทารกและสุขภาพของแม่ได้อย่างเหมาะสม

ทำไมต้องฝากครรภ์เร็ว

  • ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือภาวะทารกเจริญเติบโตผิดปกติ
  • ช่วยให้แม่ได้รับคำแนะนำด้านโภชนาการและวิตามินที่จำเป็น เช่น โฟลิก เพื่อป้องกันความผิดปกติของระบบประสาททารก
  • สามารถตรวจพบความผิดปกติทางพันธุกรรมของทารกได้ตั้งแต่ระยะแรก
  • วางแผนการดูแลสุขภาพได้ตั้งแต่เริ่มต้น

การเตรียมตัวก่อนฝากครรภ์

ก่อนเข้ารับการฝากครรภ์ ควรเตรียมข้อมูลต่อไปนี้

  • ประวัติสุขภาพส่วนตัว เช่น โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ และประวัติการตั้งครรภ์ครั้งก่อน
  • สังเกตอาการตั้งครรภ์ เช่น ประจำเดือนขาด คลื่นไส้ เหนื่อยง่าย
  • เลือกสถานพยาบาลที่มีบริการฝากครรภ์ เช่น โรงพยาบาลรัฐ คลินิกฝากครรภ์ หรือสถานพยาบาลเอกชนที่สะดวก

ต้องการคำปรึกษาหากท้องไม่พร้อม  ติดต่อเราได้ที่นี่ RSA Online : https://abortion.rsathai.org
Line Official : @rsathai , Inbox Facebook Page : rsathai
บริการให้คำปรึกษาออนไลน์ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00-19.00 น.

ยุติการตั้งครรภ์ด้วยยา VS การดูดสุญญากาศ ต่างกันอย่างไร

การยุติการตั้งครรภ์ด้วยยา (Medical Abortion)

การใช้ยาเป็นวิธีที่ปลอดภัยและได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) สำหรับอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ สามารถใช้ยาด้วยตัวเองที่บ้าน โดยได้รับคำแนะนำจากแพทย์ หากอายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ สามารถใช้ยายุติการตั้งครรภ์ได้ อาจมีการพักค้างที่สถานพยาบาล

กระบวนการ

  • ใช้ ไมเฟพริสโตน (Mifepristone) เพื่อยับยั้งการทำงานของฮอร์โมน ทำให้ผนังมดลูกไม่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของตัวอ่อน
  • ใช้ ไมโซพรอสทอล (Misoprostol) ทำให้ปากมดลูกนิ่ม ทำให้มดลูกบีบตัวและขับเนื้อเยื่อออก คล้ายกับการทำแท้งตามธรรมชาติ

ข้อดี

  • มีความเป็นส่วนตัว สามารถทำที่บ้านได้
  • มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อย

ข้อจำกัด

  • มีเลือดออกคล้ายการมีประจำเดือนหลายวัน
  • อาจมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ หรืออ่อนเพลีย
  • ไม่สามารถใช้ได้ในบางกรณี เช่น ตั้งครรภ์นอกมดลูก

การยุติการตั้งครรภ์ด้วยการดูดสุญญากาศ (Manual Vacuum Aspiration – MVA)

เป็นวิธีที่ใช้ เครื่องมือดูดเนื้อเยื่อออกจากโพรงมดลูก เหมาะสำหรับอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ และได้ถึง 16 สัปดาห์  โดยแพทย์ที่มีความชำนาญ

กระบวนการ

  • ใช้เครื่องมือดูดสุญญากาศเพื่อดูดตัวอ่อนและรกภายในมดลูก
  • ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที และพักฟื้นเพื่อดูอาการ สามารถกลับบ้านได้ในวันเดียวกัน

ข้อดี

  • ใช้เวลาไม่นาน
  • เลือดออกน้อยกว่าการใช้ยา

ข้อจำกัด

  • ต้องเข้ารับบริการที่สถานพยาบาล
  • อาจมีอาการปวดมดลูกชั่วคราวระหว่างทำหัตถการ
  • มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหากไม่ได้รับการดูแล และทำในสถานพยาบาลที่ไม่เหมาะสม

วิธีไหนเหมาะกับคุณ?

  • อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ → ใช้ยาที่บ้าน หรือดูดสุญญากาศ ณ สถานพยาบาล ก็ได้
  • อายุครรภ์ 12-16 สัปดาห์ → ใช้ยาที่สถานพยาบาล หรือดูดสุญญากาศ โดยแพทย์ที่มีความชำนาญ
  • อายุครรภ์มากกว่า 16 สัปดาห์ → ยุติการตั้งครรภ์ที่สถานพยาบาล และต้องมีการพักค้าง

สรุป วิธีไหนปลอดภัยกว่ากัน?

ทั้งสองวิธีปลอดภัย หากทำโดยแพทย์หรืออยู่ภายใต้การดูแลจากสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน การเลือกวิธีใดขึ้นอยู่กับ อายุครรภ์ ความสะดวก และสภาพร่างกายของผู้รับบริการ


ต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ ติดต่อเราได้ที่นี่

RSA Online : https://abortion.rsathai.org
Line Official : @rsathai , Inbox Facebook Page : rsathai
บริการให้คำปรึกษาออนไลน์ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00-19.00 น.

รู้จักและใช้ยาคุมแบบ 21 และ 28 เม็ดอย่างถูกต้อง

ยาคุมกำเนิด 21 เม็ด และ 28 เม็ด ต่างกันอย่างไร?

ยาคุมกำเนิดมี 2 ประเภทหลัก คือ ยาคุม 21 เม็ด และ ยาคุม 28 เม็ด ซึ่งมีหลักการทำงานคล้ายกัน แต่แตกต่างกันที่วิธีการใช้

  • ยาคุมแบบ 21 เม็ด → มี ฮอร์โมนทุกเม็ด ต้องเว้นระยะ 7 วันก่อนเริ่มแผงใหม่
  • ยาคุมแบบ 28 เม็ด → มี ฮอร์โมน 21 เม็ด และเม็ดแป้ง 7 เม็ด ใช้ต่อเนื่องไม่มีช่วงเว้น

วิธีใช้ยาคุมกำเนิดให้ถูกต้อง

ยาคุมแบบ 21 เม็ด  กินวันละ 1 เม็ดในเวลาเดียวกันทุกวัน  เมื่อหมดแผง เว้น 7 วัน แล้วเริ่มแผงใหม่

ยาคุมแบบ 28 เม็ด  กินเรียงตามลำดับวัน วันละ 1 เม็ด  7 เม็ดสุดท้ายเป็นเม็ดแป้ง (ไม่มีฮอร์โมน) แต่ต้องกินให้ครบ  เมื่อหมดแผง ให้เริ่มแผงใหม่ทันที

หากลืมกินยาคุม ทำอย่างไร?

  • ลืม 1 เม็ด → กินทันทีที่นึกได้ และกินเม็ดถัดไปตามปกติ
  • ลืม 2 เม็ดติดต่อกัน → กิน 2 เม็ดทันทีที่นึกได้ และอีก 2 เม็ดในวันถัดไป
  • ลืมกิน 3 เม็ดขึ้นไป → ควรหยุดแผงเดิมและเริ่มแผงใหม่ ใช้ถุงยางอนามัยระหว่างรอเริ่มแผงใหม่

ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิด

  • คลื่นไส้ อาเจียน (พบได้ในช่วงแรก)
  • เลือดออกกะปริดกะปรอย (พบได้ในระยะแรก หรือลืมกินยาบ่อยๆ)
  • น้ำหนักขึ้นเล็กน้อยในบางราย
  • อารมณ์แปรปรวน

หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดศีรษะรุนแรง เจ็บหน้าอก หรือขาบวม ควรปรึกษาแพทย์


ใช้ยาคุมให้ถูกต้อง ลดความเสี่ยงการตั้งครรภ์

การใช้ยาคุมกำเนิดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูง หากใช้ถูกต้องสม่ำเสมอ ควรเลือกชนิดที่เหมาะสม และทำความเข้าใจวิธีใช้เพื่อลดความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ไม่พร้อม และวิธีนี้ใช้เพื่อการป้องกันการตั้งครรภ์เท่านั้น ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้


ต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการคุมกำเนิด ติดต่อเราได้ที่นี่

RSA Online : https://abortion.rsathai.org
Line Official : @rsathai , Inbox Facebook Page : rsathai
บริการให้คำปรึกษาออนไลน์ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00-19.00 น.

จะเลี้ยงลูกคนเดียวได้อย่างไร หากไม่มีคนช่วยเหลือ

ปรับตัวและวางแผนชีวิตหลังคลอด

การเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวอาจเป็นเรื่องท้าทาย แต่การวางแผนที่ดีจะช่วยให้คุณรับมือกับสถานการณ์ได้ง่ายขึ้น เช่น การจัดสรรเวลา ดูแลสุขภาพ และเตรียมแผนการเงิน

ขอความช่วยเหลือจากแหล่งสนับสนุน

แม้ว่าคุณอาจไม่มีคู่หรือครอบครัวช่วยเหลือโดยตรง แต่ยังมีองค์กรหรือหน่วยงานที่สามารถให้คำแนะนำและช่วยเหลือ เช่น กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว  ศูนย์ประสานงานแม่เลี้ยงเดี่ยวและครอบครัว 

บริหารการเงินให้มั่นคง

การมีลูกต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม การวางแผนการเงินล่วงหน้าจะช่วยลดความเครียด ควรตั้งงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายของลูกและหาทางเลือกที่ประหยัด เช่น การขอรับสิทธิประโยชน์จากรัฐ

ดูแลสุขภาพจิตของตัวเอง

การเลี้ยงลูกคนเดียวอาจทำให้รู้สึกเครียดและโดดเดี่ยว ควรหาเวลาพักผ่อน และมองหากลุ่มสนับสนุนที่ช่วยให้คุณไม่รู้สึกโดดเดี่ยว

วางแผนอนาคตของลูก

ควรเตรียมแผนด้านการศึกษาของลูก และหาทางเลือกที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ เช่น การศึกษาฟรีหรือทุนการศึกษา


คุณสามารถเลี้ยงลูกคนเดียวได้ แต่คุณจะไม่โดดเดี่ยว

แม้จะเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่คุณสามารถสร้างเส้นทางของตัวเองได้โดยการวางแผน จัดการทรัพยากร และขอรับการสนับสนุนจากแหล่งช่วยเหลือที่มีอยู่ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่  https://www.facebook.com/profile.php?id=100090426660245&locale=th_TH


ต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการดูแลบุตร ติดต่อเราได้ที่นี่ RSA Online : https://abortion.rsathai.org
Line Official : @rsathai , Inbox Facebook Page : rsathai
บริการให้คำปรึกษาออนไลน์ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00-19.00 น.

ป้องกันก่อนดีกว่าแก้! ทำไมคุณควรเรียนรู้เรื่องคุมกำเนิดตั้งแต่วันนี้

ป้องกันก่อนดีกว่าแก้! ทำไมคุณควรเรียนรู้เรื่องคุมกำเนิดตั้งแต่วันนี้

การเรียนรู้เรื่องคุมกำเนิดสำคัญอย่างไร?

แม้ว่าหลายคนอาจคิดว่า ยังไม่พร้อมมีเพศสัมพันธ์ ไม่ต้องรู้เรื่องคุมกำเนิดก็ได้” แต่ความจริงคือ การเข้าใจเรื่องการป้องกันการตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ เพราะช่วยให้สามารถ ตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล และเตรียมพร้อมรับผิดชอบต่อร่างกายและอนาคตของตัวเอง

เข้าใจผิดเกี่ยวกับการคุมกำเนิดที่ทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ไม่พร้อม

หลายคนมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการคุมกำเนิด เช่น การใช้ หลั่งนอก” หรือ “นับวันปลอดภัย” ซึ่งไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% อาจนำไปสู่การตั้งครรภ์ที่ไม่คาดคิด ดังนั้น การรู้จักวิธีป้องกันที่ถูกต้อง เช่น ถุงยางอนามัย ยาคุมกำเนิด ยาฝัง หรือห่วงอนามัย จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์ของการเรียนรู้เรื่องสุขภาวะทางเพศ

นอกจากการป้องกันการตั้งครรภ์แล้ว การเรียนรู้เรื่องสุขภาพทางเพศยังช่วยให้คุณมีความมั่นใจและสามารถดูแลสุขภาพตัวเองได้ดีขึ้น การเลือกวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อม แต่ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น HIV หนองใน และซิฟิลิส

วิธีพูดคุยเรื่องการคุมกำเนิดกับคู่ของคุณ

การพูดคุยเปิดใจกับคู่ของคุณเกี่ยวกับการคุมกำเนิดก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจตรงกันและเลือกวิธีที่ปลอดภัยที่สุด คุณสามารถเริ่มต้นจาก การหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสม พูดคุยถึงความกังวล และตกลงร่วมกันว่าจะเลือกใช้วิธีใด

เรียนรู้เรื่องคุมกำเนิดจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุมกำเนิด สามารถขอคำปรึกษาได้ที่ RSA Online หรือศูนย์บริการสุขภาพใกล้คุณ การมีข้อมูลที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากขึ้น


ต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการคุมกำเนิด ติดต่อเราได้ที่นี่ RSA Online : https://abortion.rsathai.org
Line Official : @rsathai , Inbox Facebook Page : rsathai
บริการให้คำปรึกษาออนไลน์ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00-19.00 น.

เข้าใจสุขภาพจิตของผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อมและแนวทางการดูแล

เข้าใจสุขภาพจิตของผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อมและแนวทางการดูแล

การตั้งครรภ์ไม่พร้อมเป็นภาวะที่สร้างความเครียด ความวิตกกังวล และส่งผลต่อสุขภาพจิตของผู้หญิงหลายคน ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกกลัว อับอาย รู้สึกผิด หรือแม้แต่ภาวะซึมเศร้า

หากไม่มีการดูแลทางจิตใจที่ดี อาจนำไปสู่ปัญหาทางสุขภาพจิตระยะยาวได้ การเข้าใจอารมณ์ที่เกิดขึ้น และรู้แนวทางการดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ


1. ผลกระทบทางจิตใจของผู้ที่เผชิญภาวะท้องไม่พร้อม

1. ความเครียดและความวิตกกังวล

  • กังวลเกี่ยวกับอนาคต การเงิน การศึกษา หรือการยอมรับจากครอบครัวและสังคม
  • คิดมากเกี่ยวกับการตัดสินใจว่าจะตั้งครรภ์ต่อหรือยุติการตั้งครรภ์

2. ความรู้สึกผิดและความกดดันทางสังคม

  • บางคนรู้สึกผิดเพราะกลัวว่าตนเองทำผิดศีลธรรม
  • สังคมอาจสร้างแรงกดดันให้ต้องทำในสิ่งที่ไม่ตรงกับความต้องการของตัวเอง

3. ภาวะซึมเศร้า

  • บางคนอาจรู้สึกโดดเดี่ยว สูญเสียความมั่นใจ หรือไม่สามารถหาทางออกได้
  • หากไม่ได้รับการช่วยเหลือ อาจส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าหรือปัญหาทางอารมณ์ในระยะยาว

2. แนวทางการดูแลสุขภาพจิตสำหรับผู้ที่เผชิญการตั้งครรภ์ไม่พร้อม

1. หาคนที่สามารถพูดคุยและให้กำลังใจได้

  • พูดคุยกับคนที่ไว้ใจได้ เช่น เพื่อนสนิท ครอบครัว หรือผู้เชี่ยวชาญ
  • การระบายความรู้สึกช่วยให้คลายความกังวลและลดความเครียด

2. ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ

  • ศูนย์ให้คำปรึกษาสุขภาพจิตสามารถช่วยให้คุณเข้าใจอารมณ์ของตัวเอง และช่วยตัดสินใจได้ดีขึ้น
  • หากรู้สึกเครียดมากจนกระทบต่อชีวิตประจำวัน ควรเข้ารับการปรึกษากับนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์

3. ดูแลสุขภาพกายและจิตใจไปพร้อมกัน

  • การออกกำลังกายเบาๆ และรับประทานอาหารที่ดีมีผลต่อสุขภาพจิต
  • ฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ หรือการฝึกหายใจ

4. อย่าตัดสินตัวเองรุนแรงเกินไป

  • การตั้งครรภ์ไม่พร้อมเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และทุกคนมีสิทธิ์ในการตัดสินใจเกี่ยวกับร่างกายของตัวเอง
  • แทนที่จะจมอยู่กับความรู้สึกผิด ควรหาทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเอง

3. บทบาทของสังคมและครอบครัวในการช่วยเหลือผู้ที่ท้องไม่พร้อม

1. การสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง

  • ลดการตีตราหรือตัดสินผู้ที่ท้องไม่พร้อม
  • เปิดโอกาสให้สามารถขอคำปรึกษาได้โดยไม่รู้สึกอับอาย

2. ครอบครัวควรเป็นที่พึ่ง ไม่ใช่แรงกดดัน

  • การได้รับกำลังใจจากครอบครัวช่วยให้ผู้หญิงสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น
  • แทนที่จะตำหนิ ควรช่วยกันหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน

3. การให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศและการคุมกำเนิด

  • ป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่พร้อมซ้ำ โดยการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง
  • สนับสนุนให้มีการใช้วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ

สรุป: การดูแลสุขภาพจิตสำหรับผู้ที่เผชิญการตั้งครรภ์ไม่พร้อม

  • ความเครียด ความกังวล และภาวะซึมเศร้าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ ควรให้เวลากับตัวเองและหาทางออกที่เหมาะสม
  • การพูดคุยกับคนที่ไว้ใจ และขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ช่วยให้ผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้
  • สังคมและครอบครัวมีบทบาทสำคัญ ในการช่วยเหลือและลดแรงกดดันให้กับผู้ที่ท้องไม่พร้อม

หากคุณกำลังรู้สึกเครียดหรือกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ไม่พร้อม อย่าลืมว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว


ต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพจิตและการตั้งครรภ์ ติดต่อเราได้ที่นี่ RSA Online : https://abortion.rsathai.org
Line Official : @rsathai , Inbox Facebook Page : rsathai
บริการให้คำปรึกษาออนไลน์ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00-19.00 น.