มีผู้รับบริการรายหนึ่งเข้ามาปรึกษาว่า “มีเพศสัมพันธ์หลายครั้งในเดือนเดียว และกินยาคุมฉุกเฉินไปหลายแผง แล้วต่อมาเกิดอาการมีมูกเลือดปนเนื้อเยื่อออกมาหลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด อยากรู้ว่าอาการแบบนี้คือผลข้างเคียงจากยาคุม หรือกำลังตั้งครรภ์ และต้องกินยาคุมฉุกเฉินอีกไหม?”

คำถามนี้เป็นเรื่องที่หลายคนสงสัย เพราะอาการหลังการใช้ยาคุมฉุกเฉินหลายครั้งในช่วงเวลาสั้น ๆ อาจทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาได้

ยาคุมฉุกเฉินหลายแผงในเดือนเดียว — ส่งผลอย่างไร?

การใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อยครั้งในรอบเดือนเดียว ไม่เพียงลดประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ แต่ยังอาจทำให้ร่างกายมีอาการข้างเคียง เช่น:

  • มีเลือดออกกะปริบกะปรอย หรือมีเนื้อเยื่อบางส่วนออกมาระหว่างรอบเดือน
  • คลื่นไส้ ปวดศีรษะ เจ็บคัดเต้านม หรือเวียนหัว
  • ประจำเดือนคลาดเคลื่อน หรือมาเร็ว/ช้ากว่าปกติ
  • อารมณ์แปรปรวน และเจ็บท้องน้อย

แล้วอาการที่มีเลือดปนเนื้อเยื่อคืออะไร?

ในหลายกรณี การที่มีเลือดออกเล็กน้อยหลังใช้ยาคุมฉุกเฉิน อาจเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดลอก ซึ่งอาจดูเหมือนเป็น “เนื้อเยื่อ” หรือเลือดล้างหน้าเด็กในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ก็ได้  หากตรวจครรภ์หลังจากกินยาคุมฉุกเฉินไปไม่นาน แล้วผลยังขึ้นขีดเดียว แนะนำให้ตรวจซ้ำหลังจากนั้น 14-21 วัน หลังการมีเพศสัมพันธ์เพื่อความชัดเจน

ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า

หากมีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ ควรพิจารณาเปลี่ยนมาใช้วิธีคุมกำเนิดแบบสม่ำเสมอ เช่น:

  • ยาคุมกำเนิดรายเดือน
  • ถุงยางอนามัย
  • การฉีดยาคุม ฝังยาคุม หรือ ห่วงอนามัย

เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในระยะยาว


ต้องการคำปรึกษาเรื่องเพศสัมพันธ์หรือการตั้งครรภ์ไม่พร้อม? ติดต่อเราได้ที่นี่
ระบบปรึกษาท้องไม่พร้อม RSA Online : https://abortion.rsathai.org
Line Official : @rsathai
Inbox Facebook Page : rsathai
บริการให้คำปรึกษาออนไลน์ วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.00–19.00 น.

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่